7 สัญญาณเตือน ‘ชีวิตคู่’ ส่อล่ม Tricks For Life

09 มิ.ย. 2567 | 13:53 น.
อัปเดตล่าสุด :09 มิ.ย. 2567 | 14:04 น.

7 สัญญาณเตือน ‘ชีวิตคู่’ ส่อล่ม Tricks For Life

ในโลกแห่งความเป็นจริงการรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาวนั้นไม่ง่าย เพราะ “ชีวิตคู่” จะต้องเผชิญกับปัญหาและความท้าทาย ที่อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ ทำให้เกิดความขัดแย้ง ความเข้าใจผิด ความรู้สึกห่างเหิน หรืออาจจะหย่าร้างกัน ดังนั้น “การบำบัดชีวิตคู่” จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คู่รักสามารถเผชิญและแก้ไขปัญหา เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมามีความสุขได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ดีในบางครั้งการคุยกันระหว่างคู่รัก อาจมีเรื่องความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดความอ่อนไหวในระหว่างการพูดคุยหรือปรับความเข้าใจกัน รวมถึงแต่ละฝ่ายมักจะมองปัญหาในมุมมองของตัวเอง จึงอาจมองไม่เห็นปัญหาและความรู้สึกหรือความคิดของอีกฝ่าย

ดังนั้นการเข้าพบจิตแพทย์ เพื่อเข้ารับการบำบัดชีวิตคู่ ถือเป็นตัวช่วยหนึ่งในการปรับความเข้าใจกัน เพราะ จิตแพทย์ หรือนักจิตบำบัดที่เป็นคนกลางจะเข้ามาช่วยในการมองเห็นปัญหาของความสัมพันธ์จากภายนอก โดยไม่มีความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง

พญ.อริยาภรณ์ ตั้งชีวินศิริกูล จิตแพทย์โรงพยาบาลBMHH- Bangkok Mental Health Hospital ให้คำแนะนำว่า “การบำบัดชีวิตคู่” เป็นกระบวนการที่ช่วยให้คู่รักเข้าใจปัญหาในความสัมพันธ์ โดยจิตแพทย์ หรือนักจิตบำบัดจะช่วยให้คู่รักสื่อสารกันอย่างมีประสิทธิภาพ เรียนรู้วิธีจัดการความขัดแย้ง และพัฒนาทักษะความสัมพันธ์ที่จำเป็นสำหรับความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน

โดยคู่รักทุกคู่สามารถเข้ารับการบำบัดได้ แม้จะยังไม่มีปัญหา เพราะการบำบัดชีวิตคู่เปรียบเสมือนการตรวจสุขภาพเชิงป้องกัน ช่วยให้คู่รักสามารถระบุปัญหาและแก้ไขได้ทันท่วงที ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามบานปลายโดยไม่สามารถแก้ไขทัน สำหรับสัญญาณเตือนคู่รักควรเข้ารับการบำบัดชีวิตคู่ ได้แก่

• มีปัญหาด้านการสื่อสาร ไม่เข้าใจกัน พูดคุยกันไม่รู้เรื่อง

• ทะเลาะกันบ่อย โต้เถียงกันรุนแรง

• รู้สึกห่างเหิน ไม่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด

7 สัญญาณเตือน  ‘ชีวิตคู่’ ส่อล่ม Tricks For Life

• รู้สึกไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อใจกัน

• มีปัญหาเรื่องเพศ

• เผชิญกับปัญหาครอบครัว ปัญหาการเงิน หรือปัญหาอื่นๆ ที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์

• รู้สึกเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า

การบำบัดชีวิตคู่โดยทั่วไปจะดำเนินการเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่ม โดยจะใช้เวลาประมาณ 60-90 นาทีขึ้นอยู่กับปัญหาและความซับซ้อนของความสัมพันธ์ ในระหว่างการบำบัด จิตแพทย์ หรือนักจิตบำบัดจะใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การพูดคุย การฟัง การฝึกฝน และกิจกรรมต่างๆ เพื่อช่วยให้คู่รักบรรลุเป้าหมาย

ที่สุดแล้วอย่ารอให้ความสัมพันธ์ถึงขั้นวิกฤติแล้วจึงมาพบนักจิตแพทย์ แต่ควรมาพบตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะการมาพบนักจิตแพทย์ที่มีประสบการณ์การบำบัดชีวิตคู่ จะช่วยให้เราตระหนักรู้ในสัมพันธภาพชีวิตคู่ที่เป็นปัญหาและอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ในอนาคตได้ และเป็นการแสดงจุดยืนว่าเราทั้งคู่ยังมีความแน่วแน่ตั้งใจที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันโดยมีความมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงพัฒนาความสัมพันธ์ของการใช้ชีวิตคู่อย่างจริงจังให้เกิดความเข้าใจและให้เกิดความสุขในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันต่อไป

 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 3,999 วันที่ 9 - 12 มิถุนายน พ.ศ. 2567