เอาไงดี หุ้นไทย...หลังการเมืองใหม่!

11 ส.ค. 2566 | 04:16 น.

เอาไงดี หุ้นไทย...หลังการเมืองใหม่! คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์

*** ตลาดหุ้นไทยจะเป็นไปในทิศทางไหน ยังเดาทางได้ยาก โดยเฉพาะประเด็นการเมือง เรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางดัชนีในช่วงนี้ ที่นักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิด   
     
ล่าสุด พรรคเพื่อไทย ดึง พรรคชาติไทยพัฒนา เข้าร่วมอีก 1 พรรค ทำให้ล่าสุดมีพรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล 9 พรรค ประกอบการด้วย เพื่อไทย 141 เสียง/ ภูมิใจไทย 71 เสียง/ ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง/ ประชาชาติ 9 เสียง/ ชาติพัฒนากล้า 2 เสียง/ เพื่อไทยรวมพลัง 2 เสียง และพรรคเสรีรวมไทย/ พลังสังคมใหม่ / ท้องที่ไทย อีกพรรคละ 1 เสียง รวมมีจำนวนส.ส. 238 เสียง  ซึ่งหากจะโหวตนายกรัฐมนตรี โดยไม่ต้องพึ่งพา ส.ว. ก็ต้องมีจำนวนเสียง ส.ส.ให้ครบ 376 เสียง ยังขาดอีก 138 เสียง  
     
ล่าสุด เพื่อไทย โยนหินถามทาง จะตั้งรัฐบาลในมิติใหม่ สลายขั้วการเมือง จับมือทุกพรรคยกเว้น “ก้าวไกล”  รีบตั้งได้ก็ดี จะได้มีรัฐบาลบริหารประเทศ เศรษฐกิจจะได้เดินไปข้างหน้า

ในมุมมองของโบรกเกอร์ มองว่าหากตั้งรัฐบาลได้เร็ว ก็จะเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ ซึ่ง บล.ไอร่า มองว่าหากตั้งรัฐบาลได้ และประเทศเดินหน้าไปได้ ไม่มีปัจจัยอะไรแทรกซ้อน มองดัชนีสิ้นปีไว้ที่ 1,675 จุด แต่ปัญหาที่นักลงทุนกังวล หากมีม็อบลงถนน มองในกรณีเลวร้าย ให้ไว้ 1,400 จุด
     
*** OR = โอกาส  สโลแกนนี้ อาจจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป สำหรับ OR โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในตลาดหุ้น ดูๆ แล้วจะเป็นความเสี่ยงเสียด้วยซ้ำ เพราะประกาศงบไตรมาส 2 ออกมาแล้ว น่าต๊กกะใจ กำไรเหลือแค่ 2,756 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 6,567 ล้านบาท ลดลง 3,811 ล้านบาท หรือมากถึง 58% ส่วนครึ่งปีแรก 66 มีกำไรสุทธิ 5,731 ล้านบาท ลดลง 45% จากงวดเดียวกันปีก่อน  

เหตุผลที่ทำให้กำไรของ OR ลดลงเยอะ เพราะรายได้จากการขายและบริการ 187,708 ล้านบาท ลดลง 23,265 ล้านบาท หรือลดลง 11.8%จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลง 

และอีกเหตุผลที่จะมองข้ามไม่ได้ เทรนด์ EV (Electric Vehicle)หรือ รถยนต์ไฟฟ้า ที่กำลังมาแรง โตอย่างต่อเนื่อง มียอดขายเดือนละ 3-4 พันคัน เฉพาะเดือนมิถุนายน พุ่งถึง 7,637 คัน และมีแนวโนัมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในครึ่งแรกปี 2566 มียอดจดทะเบียนรถยนต์สะสมกลุ่ม รถไฟฟ้า 100% รวมกว่า 33,824 คัน 
  
หมายความว่า ในอนาคต OR จะมีโอกาส ขายน้ำมันได้น้อยลง เพราะคนหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น  ทำให้เกิดคำถามว่าอนาคต OR จะเป็นอย่างไร และสะท้อนออกมาที่ราคา ทำให้หุ้น OR ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง วันนี้เหลือแค่ 20 บาทเศษๆ ลงมาใกล้ราคาจองที่ 18 บาทเต็มที ขณะที่บางโบรกเกอร์ ก็เริ่ม เรคคอมเมนท์ “ขาย”  
 
     
เจ้เม้าธ์ ก็ไม่รู้หรอกน่ะ ว่าอนาคตหุ้น OR จะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ การลงทุนในหุ้น OR ไม่ใช่โอกาส แต่น่าจะเป็นความเสี่ยงเสียมากกว่า
     
*** กรณี STARK ที่ตกแต่งบัญชี ไซฟ่อนเงิน ของทีมผู้บริหาร เป็นหมื่นล้าน เริ่มพ่นพิษไปถึงนักลงทุนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ โดยเฉพาะผู้ถือหุ้น GLORY หรือ บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป จำกัด (มหาชน) ซึ่งอาจกลายเป็นรุ่งริ่งตลอดไป เพราะหลังประกาศงบออกมา จากที่เคยกำไร ปรากฏว่าพลิกเป็นขาดทุน 24 ล้านบาท เหตุผลหลักก็มาจาก ดั้น...ไปถือหุ้นกู้ STARK ซึ่งกลุ่มบริษัทได้ลงทุนไว้จำนวน 16 ล้านบาท ทำให้ต้องบันทึกการรับรู้ผลขาดทุนทางบัญชี 
     
ผลกรรมเลยมาตกที่นักลงทุนที่ถือหุ้น GLORY เพราะทำเอานักลงทุนเสียขวัญ หลังรับรู้จากงบการเงินที่ประกาศออกมา ถล่มขายราคาร่วงหนัก จากระดับราคาที่ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 3 บาท ถูกถล่มลงมาเหลือแค่ 2.36 บาท มูลค่าราคาตลาด หรือมาเก็ตแคป หายไป 172.8 ล้านบาท จาก 810 ล้านบาท เหลือ  637.2 ล้านบาท 
     
นี่เป็นเคสแรกของ บจ .ที่ประกาศงบออกมา แล้วปรากฏไส้ในว่า มีการไปลงทุนในหุ้นกู้  STARK  ซึ่งน่าจะยังมีอีกหลายบริษัท ที่ถือหุ้นกู้ STARK  แต่ยังไม่ประกาศงบออกมา ส่วนจะเป็นบริษัทไหนบ้างนั้น คงต้องรอดูกันต่อไป

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศราฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,913 วันที่ 13 - 16 สิงหาคม พ.ศ. 2566