TRUE DTAC ยังคงเป็นโรคเลื่อน

16 ก.ย. 2565 | 04:30 น.

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ By…เจ๊เมาธ์

*** สงครามรัสเซีย-ยูเครน ไม่ได้อยู่ไกลอย่างที่หลายคนคิด เพราะอย่างน้อยผลกระทบของสงคราม ก็มีผลกระทบทั้งทางด้านบวกและลบ ต่อหุ้นหลายตัวในตลาดหุ้นไทย  ในกรณีที่เป็นบวกกับราคาหุ้นก็เห็นจะไม่หนีไปจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหิน ซึ่งถ้าจะว่ากันถึงหุ้นตัวเด่นที่สุดก็น่าจะหนีไม่พ้นไปจาก PTTEP และ BANPU 
 

โดยในส่วนของ PTTEP ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า เป็นผู้ผลิตและขายทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งได้อานิสงส์จากการแซงชั่นกันไปมาระหว่างกลุ่มนาโต้ ที่นำโดยสหรัฐอเมริกา และ รัสเซีย จนทำให้ราคาสินค้าพลังงานหลักอย่างน้ำมันและก๊าซธรรมชาติปรับราคาสูงขึ้น ขณะเดียวกันในส่วนของ BANPU ที่มีธุรกิจหลักในการขายถ่านหินรวมถึงก๊าซธรรมชาติ ก็จะได้อานิสงส์ในทางอ้อม เนื่องจากเมื่อราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น ก็ทำให้ถ่านหินกลับมาได้รับความสำคัญจนมีทั้งยอดขายและราคาที่ปรับสูงขึ้นนั่นเอง
 

ในทางกลับกันหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบในทางลบ กลับกลายเป็นบริษัทที่มีธุรกิจอยู่ในประเทศยุโรป โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหาร และโรงแรม เช่น MINT และ SHR ซึ่งได้รับผลกระทบจากกังวลว่าเศรษฐกิจในยุโรปถดถอยจากทั้งเงินเฟ้อ และราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้น หลังรัสเซียประกาศหยุดส่งก๊าซธรรมชาติ ผ่านท่อนอร์ดสตรีม 1 ไม่มีกำหนด จนทำให้มีนักวิเคราะห์จากหลายสำนักต่างปรับเป้าหมายราคาหุ้นของทั้ง 2 บริษัทลงอย่างมีนัยสำคัญ
 

อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนหุ้นที่ขึ้นมาตลอดก็มีโอกาสที่ราคาจะร่วงลงก็เป็นได้ ขณะเดียวกันหุ้นที่ร่วงลงแรงๆ ก็มีโอกาสจะกลับขึ้นไปได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่การตั้งรับอย่างมีสติ และมีแผนงานที่ชัดเจน ก็น่าจะช่วยได้นะคะ บางครั้งการ “ไม่ขาย...ก็ไม่ทำให้ขาดทุน” เจ้าค่ะ

 

 

*** การเลื่อนการประชุมเพื่อลงมติเรื่องการควบรวมกิจการหลายๆ ครั้ง ไม่ใช่สัญญาณที่ดีสำหรับ TRUE และ DTAC ซึ่งล่าสุดมีข้ออ้างเรื่องที่ทาง กสทช. ยังไม่ได้ข้อสรุปจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับข้อกฎหมายในบทบาทและอำนาจหน้าที่ และถึงแม้จะมีความชัดเจนจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ยังไม่แน่ว่า กสทช. จะเรียกประชุมได้เมื่อไหร่ จะเรียกประชุมนัดพิเศษทันที เพื่อลงมติเลยหรือไม่ หรือว่าจะลงมติในวันประชุมนัดปกติ ซึ่งจะมีอีกครั้ง วันที่ 21 ก.ย. นี้ไปเลย 
 

ก็อย่างที่เจ๊เมาธ์เคยบอกไปแล้วว่า การลงมติเรื่องการควบรวมกิจการของ TRUE และ DTAC ถือว่าเป็นเผือกร้อนที่ชัดเจนแล้วว่า จนถึงนาทีนี้ไม่มีใครอยากจะยุ่งเกี่ยว เนื่องจากเป็นเกี่ยวพันถึงผู้บริโภค ซึ่งครอบคลุมไปถึงคนทั้งประเทศ ซึ่งหากมีปัญหาอะไรเกิดตามมาในอนาคต ก็เป็นเรื่องยากที่กรรมการผู้ลงมติจะหลุดพ้นจากปัญหาไปได้ 
 

ดังนั้น ถ้าไม่มีอะไรรองรับว่าในอนาคตจะไม่มีปัญหาตามมา การลงมติเรื่องการควบรวมกิจการของ TRUE และ DTAC ก็ต้องถูกลากถ่วงไปให้ถึงที่สุด หรือไม่อย่างนั้นก็อาจเก็บเข้าลิ้นชัก หรือจะถึงขั้นปิดจ๊อบ Say NO ไปเลยก็เป็นได้ เรื่องแบบนี้คงได้แต่รอดูต่อไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีใครกล้าฟันธงอีกแล้ว
 

*** น่าสนใจว่าท้ายที่สุดแล้วในรอบนี้ DELTA จะดันราคาขึ้นไปได้ไกลแค่ไหน เพราะถึงแม้จะมีผลการดำเนินงานที่ดี รวมถึงมีข่าวว่าอาจจะได้กลับเข้าไปคำนวนในดัชนี SET50 และ SET100 ได้อีกครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้แน่นอน
 

อย่างหนึ่งคือ ปัญหาเรื่องฟรีโพลท ซึ่งเคยเป็นปัญหาจนทำให้ DELTA เคยถูกปลดออกจากดัชนีหลักทั้งสอง กลายเป็นก้างคาคอที่ทำให้ผู้คุมกติกาของตลาดฯ ยังกลืนไม่เข้า...คายไม่ออก เพราะที่บอกว่า จะมีการแก้ไข แต่จนแล้วจนรอด จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง ไม่ได้รับการแก้ไข หรือ ถูกหยิบยกมาพูดถึงเลย 
 

ดังนั้น การที่จะปล่อยให้ DELTA สามารถกลับเข้าไปอยู่ใน ดัชนี SET50 และ SET100 ได้อีกครั้ง จึงอาจจะทำให้ดูเหมือนเป็นการ “กลืนน้ำลายตัวเอง” ก็เป็นได้ เจ๊เมาธ์เองก็อยากจะรู้ว่า เกมนี้จะเดินต่อไปอย่างไรเหมือนกัน เอาเป็นว่าเจ๊เมาธ์รอดูอยู่เจ้าค่ะ
 

*** การการปรับราคาต่ำลงไปเรื่อยของ SABUY เป็นไปตามที่เจ๊เมาธ์เคยบอกไว้ ตั้งแต่เห็นตัวเลขผลการดำเนินงาน 2/65 ซึ่งออกมาดีมาก เพียงแต่ตัวเลขที่ดีนี้ไม่ใช้ตัวเลขที่มาจากผลการดำเนินงาน แต่กำไรที่โตขึ้น มาจากการเพิ่มรายการกำไร จากการวัดมูลค่าเงินลงทุนในตราสารทุนเข้าไปนั้นเอง 
 

ดังนั้น เมื่อมองไปที่ผลการดำเนินงานปกติที่แท้จริง จึงยังไม่เห็นตัวเลขรายได้หรือกำไรที่มาจากสารพัดดีลที่ SABUY เคยประกาศเอาไว้มากมายจนจำไม่หมด อย่างไรก็ตาม ก็คงต้องรอดูว่าผลการดำเนินงาน 3/65 ที่จะออกมาในอีกสองเดือนข้างหน้าจะดีแค่ไหน และนั้นจะเป็นตัวพิสูจน์ว่า SABUY จะได้ไปต่อหรือไม่ ตอนนี้แฟนคลับ
 

ก็คงต้องรอต่อไปนะคะ ถ้าของเค้าดีจริง...อีกไม่นานราคาก็ขยับเองหละเจ้าค่ะ

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,819 วันที่ 18 - 21 กันยายน พ.ศ. 2565