กัญชา สุรา คาสิโน : คิดให้ดีก่อนที่จะปล่อยเสรีจนเกินไป

15 ก.ย. 2565 | 10:00 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ก.ย. 2565 | 17:24 น.

คอลัมน์เศรษฐกิจ 3 นาที โดย... ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)

          ปีนี้เป็นปีที่ผู้นิยมชมชอบสายอบายมุขน่าจะมีความสุขไปตามๆกัน เพราะว่าภาครัฐได้เริ่มพิจารณาให้กิจกรรมบางอย่างที่เคยผิดกฏหมายให้สามารถดำเนินการได้อย่างถูกกฏหมาย ซึ่งบางส่วนได้มีการดำเนินการแล้วเสร็จในขณะที่บางส่วนได้เริ่มศึกษาและขับเคลื่อนในเชิงกระบวนการไปบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การปลดล็อกกัญชาออกจากสารเสพติดประเภทที่ 5 ทำให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากกัญชง กัญชาได้มากขึ้น การที่สภาผู้แทนราษฎรรับหลักการ พ.ร.บ. สุราก้าวหน้า เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตรายย่อยเข้ามาแข่งขันได้มากขึ้น รวมไปถึงการที่คณะกรรมาธิการวิสามัญ ศึกษาความเหมาะสมของการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจรที่มีรายงานว่าได้เสนอให้รัฐบาลพิจารณาเปิดคาสิโน 5 แห่งครอบคลุมทุกภูมิภาค

 

         หากใช้กรอบทางด้านศาสนาเข้ามาพิจารณา จะพบว่าทั้งกัญชา สุรา และคาสิโน ต่างก็เป็นอบายมุข หรือ หนทางแห่งความเสื่อม จึงไม่เหมาะสมที่ภาครัฐจะสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าวอย่างเด็ดขาด เพราะจะเป็นการนำสังคมไทยไปสู่ความเสื่อมถอย

         อย่างไรก็ดี ในมุมมองทางด้านเศรษฐศาสตร์ จะพิจารณาทั้งข้อดีและข้อเสีย ทำให้ได้ข้อสรุปที่แตกต่างจากหลักคิดแบบศาสนาที่พิจารณาแบบขาวกับดำ หรือการแยกดีและไม่ดีออกจากกัน โดยประโยชน์ของกัญชาทางการแพทย์ก็มีอยู่มาก เช่น การลดอาการปวดเรื้อรังของผู้ป่วย การลดอาการแพ้จากยาเคมีบำบัด การบริโภคสุราในปริมาณที่เหมาะสม เช่น ไวน์แดงวันละแก้ว มีผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตช่วยผ่อนคลาย ทำให้หลับสบาย การพนันบางประเภทหากไม่มีเงินเดิมพันที่สูงจนเกินไปก็สามารถเป็นกีฬาที่ให้ความตื่นเต้น ฝึกสมอง พัฒนาทักษะทางด้านความจำได้

 

         นอกจากนี้ การนำเอากิจกรรมที่ผิดกฏหมายขึ้นมาให้ถูกกฏหมายยังทำให้ภาครัฐสามารถเก็บภาษีในรูปแบบต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น เพราะกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะต้องเสียภาษีเช่นเดียวกันกับธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเก็บจากลูกจ้าง ภาษีเงินได้นิติบุคคลเก็บจากธุรกิจที่ผลิตสินค้า ภาษีบาป/ภาษีฟุ่มเฟือยหากเป็นสินค้าที่เกิดโทษกับผู้บริโภคหรือกับสังคม หรือเป็นสินค้าที่ฟุ่มเฟื่อยไม่มีความจำเป็น รวมไปถึง ค่าใบอนุญาตให้กิจการดำเนินการ

 

         ในทางตรงกันข้าม โทษของกัญชา สุรา และคาสิโน ก็มีในหลากหลายรูปแบบตามที่ปรากฏเป็นข่าว ไม่ว่าจะเป็น ผู้เสพย์กัญชามีอาการคุ้มคลั่งทำร้ายตนเองและผู้อื่น คนที่ดื่มสุราขาดสติทำร้ายคนในครอบครัว บ้างก็ขับรถด้วยความมีนเมาอันเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ บ้างก็ติดสุราจนเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง นักพนันที่ผีพนันเข้าสิงต้องสูญเสียทรัพย์สิน เสียบ้าน เสียที่ดิน ต้องหย่าร้าง บ้างก็ไม่มีเงินจะส่งเสียเลี้ยงดูบุตรหลาน

         เมื่อทั้งกัญชา สุรา และคาสิโน ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียเช่นนี้ ภาครัฐที่ต้องการจะผลักดันเรื่องเหล่านี้ให้เกิดขึ้น จึงต้องมีหน้าที่ในการออกแบบนโยบาย วางกฏระเบียบ กฏเกณฑ์และมาตรการต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้ประโยชน์ในด้านที่ดีมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องปกป้องคุ้มครองทุกคนในสังคมจากข้อเสียที่ไม่พึงประสงค์จากกิจกรรมทั้ง 3 ให้ได้มากที่สุด

 

         ในความเห็นของผู้เขียน การใช้กัญชาในทางการแพทย์เป็นข้อดีที่ภาครัฐควรจะพัฒนาต่อยอดให้เป็นเศรษฐกิจสาขาใหม่ที่นำไปสู่การจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับคนไทย อย่างไรก็ดี ปัญหาของการเสพย์กัญชาเท่าที่ทราบมักจะเกิดขึ้นจากการเสพย์ที่เกินพอดี ทำให้การอนุญาตให้ทุกบ้านสามารถปลูกกัญชาได้อย่างเสรีอาจจะเป็นนโยบายที่ไม่เหมาะสม แนวทางในการจัดการที่เหมาะสมควรใช้กลไกชุมชนเข้ามาช่วย ให้คนในชุมชนช่วยกันดูแลจัดการในด้านการผลิต การจัดการสถานที่เสพย์ ตลอดจนการควบคุมปริมาณการเสพย์ และร่วมกันจัดการกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น

 

         สำหรับเรื่องสุราก้าวหน้า ผู้เขียนเห็นว่าการสนับสนุนให้เกิดผู้ผลิตรายใหม่ที่เน้นไปที่นักท่องเที่ยวต่างชาติ การสร้างตราสินค้า และการสนับสนุนการส่งออก ควรจะเป็นเป้าหมายที่ภาครัฐควรที่จะสนับสนุน เพราะทำให้เกิดผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ ในทางตรงกันข้าม ภาครัฐไม่ควรจะสนับสนุนให้เกิดการเพิ่มการผลิตที่นำไปสู่การบริโภคสุราในประเทศอย่างเสรี ซึ่งมักจะส่งผลเสียต่อผู้บริโภคสุราเองในระยะยาว ส่งผลเสียต่อผู้อื่น เช่นเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ ส่งผลเสียต่อครอบครัว ทำให้เกิดปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ตลอดจน มีความเสี่ยงที่ภาครัฐจะสูญเสียรายได้ภาษีสรรพสามิตเนื่องจากไม่สามารถติดตามจัดเก็บภาษีได้อย่างทั่วถึง

 

         ท้ายที่สุด ในกรณีของการเปิดคาสิโนนั้น ไม่ควรจะเปิดเสรีการพนันแบบทั่วไป แต่ควรจะให้เปิดโดยเน้นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ซึ่งอาจจะผลักดันไปสู่การพนันที่เป็นกีฬาแข่งขันในระดับสากล เช่น การเล่นเท็กซัส โฮลเด็ม (เป็นการเล่นไพ่ชนิดหนึ่งที่มีการแข่งขันกันทั่วโลก) ในทางตรงกันข้าม ภาครัฐต้องวางมาตรการในการควบคุมผู้เล่นคนไทยไม่ให้เกิดปัญหาการเล่นจนเกินตัว โดยศึกษากลยุทธ์ในการลดปัญหาสังคมของประเทศที่เปิดคาสิโน เช่น มาเก๊า โมนาโก เป็นต้น