หุ้นธนาคารไทยในสายตาของต่างชาติทำไมถึงยังมีสเน่ห์ เมื่อดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาลง? คอลัมน์ SUPER TRADER โดย วัชรพล นุชสมบัติ Super Trader
หุ้นในกลุ่มธนาคาร (Banking Sector) ของไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและปัจจัยเศรษฐกิจระดับโลก โดยสามารถสรุปได้ดังนี้
1. การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
- ส่งผลดีต่อกลุ่มธนาคาร
- เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ธนาคารพาณิชย์สามารถปรับเพิ่ม อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (Lending Rate) ได้ ส่งผลให้ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin: NIM) สูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนกำไรของธนาคาร
- แนวโน้มดอกเบี้ยโลก
- หากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) คงหรือปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลให้ไทยอาจต้องปรับดอกเบี้ยตามเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาท
(ทิศทางดอกเบี้ยเป็นขาลง-ข้อนี้ไม่ได้ส่งผล)
2. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
- การปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น
- การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคธุรกิจ เช่น การส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ช่วยกระตุ้นความต้องการสินเชื่อจากทั้งภาคธุรกิจและประชาชน
- คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น
- อัตราส่วนหนี้เสีย (NPL) ลดลงเนื่องจากลูกหนี้สามารถชำระคืนได้มากขึ้นจากรายได้ที่ปรับตัวดีขึ้น
- (บ้านเราเศรษฐกิจดีแค่คนรวย คนจน จนเหมือนเดิม ข้อนี้เมื่อเทียบกับรอบบ้านยังโอเค)
3. การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
- เม็ดเงินเข้าสู่ระบบธนาคาร
- การลงทุนของภาครัฐในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟฟ้า ถนน หรือพลังงาน จะช่วยกระตุ้นการใช้เงินทุนผ่านระบบธนาคาร
- การสนับสนุนสินเชื่อ SME
- ธนาคารมีโอกาสปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่เกี่ยวข้องกับโครงการลงทุนใหญ่ๆ
(ถ้าดอกลดรายย่อยหรือคนที่มีฐานเงินเดือนน้อยเข้าถึงเงินจากการกู้ได้มากขึ้น ถ้ากู้ไปสร้างธุรกิจ SME ก็จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ)
4. การเติบโตของธุรกิจดิจิทัลและ FinTech
- การปรับตัวสู่ธนาคารดิจิทัล
- ธนาคารพาณิชย์ไทยหลายแห่งลงทุนในเทคโนโลยี เช่น Mobile Banking, AI และ Blockchain ทำให้ลดต้นทุนและเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียม
- พันธมิตรกับ FinTech
- การร่วมมือกับบริษัท FinTech ช่วยขยายฐานลูกค้าและเพิ่มบริการใหม่ๆ
5. กระแสเงินทุนต่างชาติ (Foreign Fund Flow)
- ดึงดูดการลงทุน
- หุ้นกลุ่มแบงก์ถือเป็นกลุ่มที่มีมูลค่าสูง (Blue Chip) และสภาพคล่องดี เมื่อนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย หุ้นกลุ่มแบงก์มักเป็นเป้าหมายหลัก
- แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น
- หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เงินทุนต่างชาติมักไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) รวมถึงประเทศไทย
6. การจัดการเชิงรุกของธนาคาร
- การเพิ่มทุน
- การเพิ่มทุนช่วยเสริมฐานะทางการเงินของธนาคารให้แข็งแกร่ง รองรับการขยายสินเชื่อและการลงทุนในธุรกิจใหม่
- การปรับโครงสร้างหนี้
- การแก้ปัญหาหนี้เสีย (NPL) อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุน
7. การประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation)
- P/E และ P/BV ต่ำ
- อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง
- ธนาคารหลายแห่ง จ่ายเงินปันผลที่น่าสนใจ ทำให้ดึงดูดนักลงทุนระยะยาว
8. ปัจจัยพิเศษ
- การควบรวมกิจการ (M&A):
- การควบรวมกิจการในกลุ่มธนาคาร เช่น การซื้อกิจการของธนาคารขนาดเล็ก สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและกำไรได้
- การเปิดเสรีการเงินในภูมิภาค:
- การเปิดเสรีในตลาด ASEAN และ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ช่วยให้ธนาคารไทยขยายธุรกิจได้ง่ายขึ้น
ความโดดเด่นหุ้นไทยในกลุ่มธนาคาร
- KBANK (ธนาคารกสิกรไทย) โดดเด่นด้านสินเชื่อ SME และธุรกรรมดิจิทัล
- SCB (ธนาคารไทยพาณิชย์) การเปลี่ยนเป็น SCBX และการลงทุนใน FinTech
- BBL (ธนาคารกรุงเทพ) ฐานลูกค้าระดับองค์กรที่แข็งแกร่ง
- KTB (ธนาคารกรุงไทย) ได้รับผลประโยชน์จากโครงการภาครัฐ
สรุป
ส่วนตัวแอดมองว่าหุ้นกลุ่มธนาคารบ้านเรา มีโอกาสปรับตัวขึ้นหลักๆ เลยจากปัจจัยสนับสนุนจากข้อ7,8 การควบรวมกิจการ (M&A) ทำให้P/E และ P/BV ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน (Undervalued) เมื่อเทียบกับกลุ่มธนาคารในภูมิภาค เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อผลตอบแทนปันผลอยู่ในระดับที่สูง จะดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติเข้ามาลงทุนพักเงินไว้ก่อนเพื่อรับปันผลในรอบต่อไป