เมียนมา...ลาทีปีเก่า 2567

23 ธ.ค. 2567 | 05:00 น.

เมียนมา...ลาทีปีเก่า 2567 คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

ได้เวลาต้องกล่าวลาปีเก่า ปี 2567 ที่กำลังจะหมดไปในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้านี้ ผมอยากจะนำเอาสรุปเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปีนี้ โดยผมจะนำมาเล่าเป็นรายเดือน ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกรกฏาคม เพื่อทบทวนความจำ และเป็นการเล่าสู่กันฟัง ให้แฟนคลับทุกท่านได้เห็นภาพว่า แม้เราจะอยู่ในประเทศไทย ที่มีเรื่องราวต่างๆ ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในประเทศเรา แต่เราก็ยังโชคดีกว่าเพื่อนบ้านของเราอย่างประเทศเมียนมานะครับ

ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ความตึงเครียดที่ชายแดนเมียนมาด้านฝั่งตะวันตกที่ติดกับประเทศอินเดีย ได้มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นหลายครั้ง โดยเฉพาะภายในรัฐสกาย จึงทำให้มีประชาชนชาวเมียนมา ที่เป็นกลุ่มของฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลทหารเมียนมา ได้หลบหนีเข้าไปในประเทศอินเดียมากขึ้น จนทำให้รัฐบาลอินเดียได้สั่งให้มีการสร้างกำแพง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเข้าสู่ประเทศอินเดียโดยผิดกฎหมาย ซึ่งก็ได้ส่งผลกระทบด้านการค้าชายแดน โดยเฉพาะทางด่านตามู-เมืองโมเรห์ รัฐมะณีปุระ ประเทศอินเดีย

ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมที่ผ่านมา เศรษฐกิจของเมียนมาที่เริ่มส่อเค้าว่าจะมีปัญหาตั้งแต่ปลายปี 2566 ก็เริ่มที่จะมีความลำบากมากยิ่งขึ้น โดยอัตราแลกเปลี่ยนที่หล่นลงไปถึง 4 พันกว่าจ๊าดต่อหนึ่งเหรียญสหรัฐ แล้วก็กลับมาอยู่ที่ 3,300-3,500 จ๊าดต่อหนึ่งเหรียญสหรัฐ ในช่วงนี้เอง ได้มีกระแสของชาวเมียนมาที่มีฐานะดี เดินทางเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ที่อยู่บนถนนสายสำคัญๆ เช่น ถนนสุขุมวิท ในกรุงเทพมหานครเยอะขึ้นเป็นลำดับ

จึงได้เริ่มมีการแพร่ข่าวทางหน้าสื่อต่างๆ มากขึ้นจนเป็นที่จับตามอง เพราะลำดับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างประเทศในประเทศไทย ชาวเมียนมากระโดดขึ้นมาเป็นอันดับที่ 4 รองจากนักลงทุนชาวจีน รัสเซียและอเมริกัน ซึ่งนักลงทุนชาวเมียนมาส่วนใหญ่ ที่เข้ามาลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ มักจะเป็นการลงทุนเพื่อส่งบุตร-หลานเข้ามาศึกษาต่อที่ประเทศไทยเป็นหลักนั่นเอง

ในเดือนเมษายน เป็นเดือนที่เดือดที่สุดของปีนี้ เนื่องจากต้นเดือนได้เกิดการปะทะกันขึ้น ระหว่างทหารรัฐบาลกับกลุ่มกองกำลังหลายฝ่ายของชนชาติพันธุ์กระเหรี่ยง ซึ่งได้รุกเข้าโจมตีฐานที่มั่นทางทหารของรัฐบาลในเมืองเมียวดี ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า เมืองเมียวดีเป็นเมืองด่านชายแดนสำคัญของประเทศเมียนมา เพราะมีชายแดนติดอยู่กับอำเภอแม่สอด จังหวัดตากของไทย อีกทั้งยังมีมูลค่าการค้าชายแดนที่มากที่สุดของประเทศ (รวมถึงการค้าระหว่างประเทศหลังจากเมียนมาถูกแซงชั่น)

ความรุนแรงเริ่มขึ้นในต้นเดือนจนกระทั่งถึงปลายเดือนเมษายน การสู้รบภายในเมืองเมียวดียังคงต่อสู้กันอย่างต่อเนื่อง ทางสภาธุรกิจไทย-เมียนมา ได้พาคณะนักธุรกิจเดินทางเข้าไปในกรุงย่างกุ้ง เพื่อหาช่องทางเจรจาให้ทางการท่าเรือของเมียนมา ได้เปิดอนุญาตให้การขนส่งทางเรือจากท่าเรือระนอง-เกาะสองด้วยตู้คอนเทนเนอร์ ให้เป็นการค้าชายแดน ซึ่งในอดีตการค้าชายแดนจากทางด่านนี้ จะอนุญาตให้เพียงการใช้เรือตั้งกองเป็นการค้าชายแดน ส่วนเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์จะเป็นการค้าระหว่างประเทศ ที่มีอัตราการเก็บภาษีที่สูงกว่าการค้าชายแดน จนประสบความสำเร็จด้วยดีครับ

ในเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงที่การค้าชายแดน จากทางด่านอำเภอแม่สอด-เมืองเมียวดี เป็นไปได้ยากลำบากมากขึ้น เพราะมีการวางระเบิดสะพานที่เมืองบิริน บนถนนสายเมียวดี-พะอาน ทำให้การเดินทางและการขนส่งสินค้าจากเมียวดีสู่กรุงย่างกุ้ง ติดขัดอย่างมาก อาจจะเป็นเพราะความไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ความไม่สงบ อัตราค่าขนส่งสินค้าจากเมียวดีไปยังกรุงย่างกุ้งเพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกทั้งความไม่สงบบนถนนสายนี้ เป็นที่หวาดกลัวของบริษัทขนส่ง จึงได้มีการเพิ่มค่าความเสี่ยงขึ้นไปอีกเยอะมาก ในส่วนพ่อค้าชายแดนเริ่มหาช่องทางอื่นๆ ในการขนส่งสินค้าเข้าไปสู่กรุงย่างกุ้ง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเข้าไปทางอำเภอสังขละบุรี ด่านเจดีย์สามองค์-เมืองพะยาตงซูม, ด่านบ้านพุน้ำร้อน-ทิกิ, ด่านอำเภอแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก และด่านจังหวัดระนอง-เกาะสอง 

ในเดือนมิถุยายน สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจในประเทศเมียนมา ยังคงมีปัญหาเยอะอีกเช่นเคย ที่สำคัญคือการนำเข้าสินค้า ที่จะต้องขอใบอนุญาตนำเข้า ยังคงสร้างปัญหาให้กับผู้ประกอบการค้าชายแดนเป็นอย่างยิ่ง ที่น่าเห็นใจที่สุดก็คือการหาช่องทางในการโอนเงินออกมาชำระค่าสินค้า ที่ส่วนใหญ่นำเข้าไปโดยไม่มีใบอนุญาตนำเข้า การโอนเงินออกมาของผู้ประกอบการ จึงต้องโอนออกมาด้วยการใช้บริการของ “โต๊ะโพยก๊วน” เพราะหากใช้บริการของธนาคารพานิชย์ การโอนเงินออกมาเป็นไปด้วยความยากลำบาก

ในขณะที่กลุ่มที่ใช้โต๊ะโพยก๊วน ก็เริ่มมีปัญหามาร้องขอความช่วยเหลือจากสภาธุรกิจไทย-เมียนมามากขึ้น เหตุผลเพราะกลุ่มเงินสีเทาที่มีการโอนเงินออกมาจากประเทศเมียนมา ก็ใช้บริการของโต๊ะโพยก๊วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีกลุ่มผู้มีอันจะกินชาวเมียนมาทั้งหลาย ก็จำเป็นต้องใช้โต๊ะโพยก๊วนในการโอนเงิน ด้วยเหตุนี้ถ้าหากโต๊ะโพยก๊วนใดรับโอนเงินให้กลุ่มเงินสีเทา ก็จะต้องถูกทางการไทยระงับการใช้บัญชีทั้งหมด รวมทั้งผู้ประกอบการที่ทำการค้าสุจริตที่ใช้โต๊ะดังกล่าว ก็จะถูกระงับบัญชีไปด้วย ในช่วงเดือนนี้จึงมีการร้องขอความช่วยเหลือเข้ามาเยอะมากเช่นกันครับ

ในเดือนกรกฎาคม เป็นเดือนที่เรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์สองลำแรก ได้เดินทางเข้ามาสู่ท่าเรือจังหวัดระนอง นับเป็นการเริ่มต้นการเปิดปฐมฤกษ์ประตูการค้าชายแดนด้วยตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเป็นมิติใหม่ของการค้าชายแดนอีกครั้งครับ ส่วนไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมาจนถึงเดือนธันวาคม ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนยังคงจำกันได้ ว่ามีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นในประเทศเมียนมา ดังนั้นผมคงจะไม่ต้องนำมาเล่าอีกครั้งนะครับ