พุทธภาษิตกล่าวว่า "คนดีมีชีวิตอยู่เพียงวันเดียว ย่อมประเสริฐกว่าคนเลวที่มีชีวิตอยู่ร้อยปี"
การที่ สส.สังกัดพรรคการเมืองหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา ได้ขึ้นป้ายใหญ่เขียนข้อความที่อาจดูเหมือนเสียดสี (คนเลว) ว่า "ทำบาปทั้งปี สวดมนต์ข้ามปีวันเดียว" นั้น สส.ท่านนี้เข้าใจพุทธภาษิตดีมาก จึงเขียนออกมาเตือนใจคนเลว คนทำบาป แต่คนวิจารณ์ไม่เข้าใจพุทธภาษิตจึงกล่าวหาว่าสส.ด้อยค่าสวดมนต์ข้ามปี
อย่างไรก็ตาม การที่ข้อความนี้กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ แปลว่าเขียนแล้วปัง คนถูกใจชอบ ไม่ถูกใจก็บ่น แต่ก็ยังคงเป็น “ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์” เพียงข้ามคืน
การที่คนเริ่มรู้จักกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในวัดมากขึ้น ถือเป็นการประชาสัมพันธ์การทำบุญเพื่อส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ ซึ่งในหลายแห่งมีการจัดกิจกรรมแบบนี้คู่กับการจัดงาน countdown ในสถานบันเทิงสำหรับฆราวาสหนุ่มสาว
อย่าไปทึกทักว่าสวดมนต์ข้ามปีเป็นประเพณีไทยแท้ๆ เพราะแท้จริงแล้วพระสงฆ์เริ่มเลียนแบบการจัดงาน countdown มาตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว
ในแง่ของการสะสมบุญ การสวดมนต์ข้ามปีถือเป็นการภาวนาเพื่อลดละกิเลส ทำจิตใจให้บริสุทธิ์และเกิดสมาธิ แม้ว่าจะสวดมนต์แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็สามารถทำให้เกิดบุญได้ แต่สวดมนต์ อ้อนวอนไม่น่าจะได้อะไร เพราะใจมีกิเลส มีความโลภ
สุดท้ายนี้ ขอเน้นย้ำว่าแม้การสวดมนต์ข้ามปีจะใช้เวลาเพียงไม่นาน แต่ก็เป็นการทำความดีที่มีคุณค่า เปรียบเสมือนพุทธดำรัสที่ว่า "การใช้ชีวิตอยู่ของคนดี แม้เพียงวันเดียว ก็ประเสริฐกว่าการมีชีวิตอยู่ร้อยปีของคนเลว" เพราะคนดีมีชีวิตเพื่อสร้างความสุขให้กับผู้อื่น ขณะที่คนเลวมีชีวิตเพื่อสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น
ดังนั้น เชิญเข้าวัด สวดมนต์ข้ามปี เพื่อละทิ้งสิ่งไม่สะอาดที่มีในกาย วาจาและใจให้เบาบางลง ความบริสุทธิ์ย่อมเกิดแทน ซึ่งเป็นที่มาของความสุข สงบในปีใหม่ตามที่อธิษฐานไว้