อินเดียในอดีตนั่นใหญ่โตกว่าปัจจุบันนี้มากใหญ่เกือบจะเปนทวีปได้ ฝรั่งใช้คำว่าอนุทวีปเรียกขานอินเดีย
ที่ภูมิภาคทางเหนือเเถวแคว้นปัญจาบถือเปนเขตคามย่านแคว้นที่อุดมสมบูรณ์มานาน ผู้คนรู้จักทำการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ ทำฟาร์ม มีความรอบรู้และความก้าวหน้าในการเกษตรมาก่อนที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชจะนำกองทัพโรมันเดินทัพผ่านมาเสียอีก
ปัญจาบจนบัดนี้ยังอุดมไปด้วยอากาศดีๆ นม เนย เนยแข็ง จากวัวควายที่เลี้ยงไว้ไถนา ทุนทางอาหารและความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่มีทั้งเปอร์เซีย ฮินดู ซิกข์ และอิสลาม ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามามีอิทธิพล ครัวปัญจาบ จึงมีแต่อาหารดีๆ เต็มไปด้วยสีสัน แถมมีให้เลือกกินได้ทั้งวัน ทั้งมังสวิรัติ แกงหม้อ ข้าวหมก ไปจนถึงเนื้อแกะแพะ ซีฟู้ด หมักเครื่องเทศและนมเนย ก่อนยกไปอบไฟให้สุกในเตาอบทันดูรี
ร้านปัญจาบ กริลล์อยู่ในซอยสุขุมวิท 13 นี่เอง บรรยากาศสวยงามเข้มขลังมลังเมลืองกับเตาทันดูร์ขนาดใหญ่ และสามารถมองเห็นเชฟทำอาหารผ่านครัวกระจกใสได้เพลินๆ
เขาเสิร์ฟ ข้าวเกรียบแขกบางๆกรอบหอม มาให้กินกับดิปต่างๆ ชิมดอกกะหล่ำอบโรยเครื่องเทศกินมันๆหอมลึกขึ้นจมูก
เรียกหาแพะทอดก้อน มาชิม ก็พบว่าเปนเนื้อสับทอดแล้วอบมาอย่างวิชาคือ เบาหวิวแต่เข้มข้น ไม่หนักไม่แน่นหรือแบกน้ำหนักอันพาเลี่ยนมาสู่ปากท้องแต่อย่างใด ระหว่างนี้ก็จิบไปด้วยเครื่องดื่มหอมซ่าอย่างน้ำมะนาวสะระแหน่ปรุงรสด้วยเกลือดำ เสิร์ฟมาแบบโฟมสวย ๆ นุ่มปาก รสอมเปรี้ยว
ท่านที่ชอบแกงเรียกหาแกงแขกคลาสสิกอย่างแกงไก่เนย หรือ แกงผักเขียวใส่เนยแข็ง แกงใบลูกซัดใส่ครีมถั่วลันเตา มารับประทานก็ไม่ผิดหวัง ร้านนี้ทำรสชาติออกมารสจัดแต่สมดุลไม่หนักไม่อืด กินกับแป้งนาน แป้งพาราธ่า จิ้มด้วยมือ แนมผักดอง ก็อร่อยปากไม่เลว เนื้อไก่นุ่มชุ่มฉ่ำไม่ได้ต้มเคี่ยวมาแห้งแก๋
ส่วนที่ชอบกุ้งน่าลองกุ้งลายเสือย่างเครื่อง หรือแม้กระทั่งข้าวหมกกุ้งที่ทำจากข้าวเบาเมล็ดยาวหมกกับสมุนไพรที่นำเข้ามาจากปัญจาบโดยเฉพาะ หอมระรวยลึกลับ เขาปิดฝาหม้อข้าวมาด้วยแป้งนาน
หรือจะลองเนื้อถั่วเหลืองตุ๋นในน้ำเกรวี่โยเกิร์ต ด้านล่างรองถั่วเหลืองสับปรุงเครื่องเทศ ส่วนฝั่งเนื้อสัตว์สี่ขาน่าลองซี่โครงแกะนิวซีแลนด์ย่างไฟแบบปัญจาบ_หอมนุ่มชุ่มมัน_เกรียมกรอบ
ล้างปากด้วนขนมกุหลาบจามุนหวานจัดหอมกุหลาบ หรือลองชิม “คูลฟี่” ของหวานเนื้อนุ่ม รสชาติหวานเย็นเหมือนไอศกรีม แต่มีกลิ่นเครื่องเทศที่แสดงตัวตนของอินเดียตอนเหนือ ส่วนท่านที่เปนเบาหวานหรือไม่ถูกกับน้ำตาล ค่อยหยิบเมล็ดเทียนข้าวเปลือกมาเคี้ยวๆเอาให้ซ่าปากก็ไม่เลว