การรับนักศึกษาต่างชาติ(เมียนมา)

25 มี.ค. 2567 | 05:00 น.

การรับนักศึกษาต่างชาติ(เมียนมา) คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

มีคำถามมาถึงการรับนักศึกษาจากต่างประเทศโดยเฉพาะเมียนมา หากมีการโฆษณาเชิญชวนให้เข้ามาเรียนที่ไทย แล้วจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีปัญหาหรือไม่? ผมคิดว่าคำถามนี้ คงเป็นเพราะว่าท่านคงเห็นข่าวที่ผมได้ส่งไปว่า ทางบริษัทเทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (มหาชน) จำกัด ได้ร่วมกับสภาธุรกิจไทย-เมียนมากำลังจะจัดงานสัมมนาและแมทชิ่งในงานวันที่ 9 เมษายนนี้ ที่โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน บนถนนรัชดาภิเษกตัดกับถนนพระรามเก้า ท่านผู้ถามคงเป็นห่วงผมกระมั้ง ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณในความห่วงใยและกังวลใจแทนพวกเราทุกคนด้วยใจจริง แต่อย่างไรก็ตาม ผมในฐานะประธานสภาฯ ก็ได้ไตร่ตรองเป็นอย่างดีแล้วครับ ว่าสิ่งที่เรากำลังดำเนินการนี้ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าทั้งประเทศเมียนมาและประเทศไทยเราเองครับ

ผมขออธิบายในสถานะของทั้งสองประเทศก่อน ประเทศไทยเราวันนี้ เราเป็นเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีงามกับทางประเทศเมียนมามาช้านาน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม หรือแม้แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ไม่ว่าใครขึ้นมามีอำนาจในการบริหารประเทศเมียนมา เขาก็ยังคงเป็นเพื่อนบ้านที่น่ารักตลอด เราไม่เคยรังเกียจเขา ถึงแม้เราจะได้รับความกดดันจากภายนอกอย่างไร เราก็ไม่เคยทิ้งเขาไว้ข้างหลังเลย คำพูดนี้ใช่ว่าจะเป็นคำพูดจากปากผมเท่านั้น ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปค้นหาดูคำปาฐกถาของผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองเราดูก็ได้นะครับ 

ในส่วนของประเทศเมียนมาเอง วันนี้มีแรงงานที่เป็นทั้งผู้ใช้แรงงานที่แท้จริง กับผู้ที่เป็นคนหนุ่มคนสาวในวัยเรียน ที่อยากจะเข้ามาทำงานในประเทศไทยเรามากมาย อีกทั้งยังมีคนที่ตั้งใจอยากจะไขว้คว้าหาที่เรียนจริงๆ แต่ไม่ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ใช้วิธีร่วมเดินทางกับกลุ่มที่ผิดกฎหมายเข้ามายังประไทยเรา ซึ่งทั้งๆ ที่เขาเหล่านั้นอาจจะเป็นผู้ที่ถูกชักจูงเข้ามาอย่างผิดกฎหมายดังกล่าว ก็มีอยู่ไม่น้อย

ส่วนใหญ่กลุ่มที่เข้ามาแล้วโดยทางชายแดน เขาก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงสถานะให้ถูกกฎหมายได้ ยังมีกลุ่มที่เข้ามาโดยเครื่องบินทางสนามบิน ก็มีอยู่สองวิธี คือเข้ามาโดยงดเว้นการขอ Visa ก็สามารถอยู่ได้ 14 วัน กลุ่มนี้เมื่อเข้ามาแล้ว หากไม่ยอมเดินทางออกไปตามกำหนด ก็จะกลายเป็นคนเข้าเมืองผิดกฎหมายทั้งหมด กลุ่มนี้น่าเห็นใจมาก เขาไม่สามารถยื่นขอ Visa ประเภทอื่นได้ นอกจากรอเวลาในการประกาศให้ไปขึ้นทะเบียนเป็นแรงงานจากทางการไทย เพื่อได้รับบัตรสีชมพู เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานะเป็นแรงงานเท่านั้น

ยังมีอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เข้ามาโดยใช้ Visa ท่องเที่ยว ซึ่งอยู่ได้ 30 วัน เมื่อครบกำหนด 30 วันแล้ว ยังหาสถานที่เรียนไม่ได้ ก็ต้องไปขอต่ออายุ Visa อีก 30 วัน ซึ่งการขอต่ออายุก็ไม่ใช่ง่ายๆ ต้องมีเหตุผลที่ทางกองตรวจคนเข้าเมืองรับฟังได้ จึงจะสามารถต่อ Visa ได้ กลุ่มนี้ก็ต้องทั้งเสียเวลาและเสียเงินเสียทอง ไปกับการขอต่ออายุ Visa หากฐานะการเงินทางบ้านไม่ดีพอ ก็จะทำให้เขาไม่สามารถหาเงินมาต่ออายุ Visa ได้ ก็จะเปลี่ยนแปลงสถานะเป็นผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายทันทีเช่นกันครับ

ในขณะที่ประเทศไทยเรา สถานการณ์ด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีอยู่ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งของเอกชนและรัฐบาล ต่างประสบปัญหาขาดแคลนนักศึกษากันหมดทุกแห่ง เราจะเห็นว่านักศึกษาลดลงอย่างน่าใจหาย เหตุที่เป็นเช่นนั้น เป็นเพราะหลังยุคปี 2000 เป็นต้นมา หรือที่เรียกว่ากลุ่ม Generation Z ที่เราชอบเรียกว่าเด็กเจน Z ที่มีการเกิดตั้งแต่ปีค.ศ.1997 - 2012 อัตราการเกิดลดลงมาก ตามการรณรงค์ของทุกภาคส่วน อีกทั้งปัญหาการแก่งแย่งกันทำมาหากินของประชาชน ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวใหญ่ จึงทำให้อัตราการเกิดลดลง ผลจึงส่งต่อมาทางด้านการศึกษา ทำให้ความต้องการลดลงตามอัตราการเกิดของคนรุ่นใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

ดังนั้นวันนี้ปัญหาของสถานการศึกษา จึงขาด Demand ในขณะที่ Supply ยังคงมีเท่าเดิม จำนวนนักเรียนนักศึกษาจึงเหมือนจะมีน้อยลง เราจึงเห็นสถานการศึกษาเอกชนหลายแห่ง หันไปหานักศึกษาจีนรุ่นใหม่ ที่ต้องการเข้ามาเรียนหนังสือในต่างประเทศ หากท่านไปทางภาคเหนือของไทยเรา หลายๆ สถาบันต่างรับนักศึกษาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้ามาเรียนอย่างมากมาย

ผมกล้าพูดได้ว่า ร้อยละแปดสิบของสถาบันการศึกษาทั้งของเอกชนและรัฐบาลในภาคเหนือเลยก็ว่าได้ ที่มีนักศึกษาจีนมาเรียนอยู่ ยังมีบางสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาเอกชน ที่ปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนมือจากเจ้าของคนไทย ไปเป็นของคนชาติอื่นกันหลายแห่ง เรื่องนี้คงไม่สามารถปฏิเสธได้นะครับ

ดังนั้นหากเราสามารถใช้วิกฤตินี้ให้เป็นโอกาสได้ ด้วยการแบ่งสัดส่วนนักศึกษาจากเดิม ที่มีเพียงนักศึกษาประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนประเทศเดียว เราสามารถรับนักศึกษาจากประเทศเมียนมาเพิ่มเข้ามา เพื่อเป็นการช่วยเหลือให้ประเทศเมียนมาเขาสามารถควบคุมคนที่ออกมาจากเขา ให้เขาออกมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ อีกทั้งยังช่วยให้เขาและเราสามารถทำการบันทึกข้อมูลต่างๆ ของประชาชนของเขาที่จะเดินทางออกมา ให้มีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก็จะทำให้ลดปัญหาหลายๆด้านไปได้ครับ

ดังนั้นเรามาช่วยกันเถอะครับ ผมยังเชื่อมั่นว่างานสัมมนาและเเมทชิ่ง ที่ทางบริษัทเทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับทางสภาธุรกิจไทย-เมียนมากำลังดำเนินการอยู่ เป็นเรื่องที่พวกเราทุกภาคส่วน ควรจะทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เกิดผลดีกับประเทศชาติได้ครับ