ลูกผู้ชายควรมีรถ 4 คัน? (จบ)

02 มี.ค. 2567 | 11:49 น.
อัปเดตล่าสุด :02 มี.ค. 2567 | 19:12 น.

ลูกผู้ชายควรมีรถ 4 คัน? (จบ) คอลัมน์ Cat out of the box โดย พีรภัทร์ เกียรติภิญโญ

ต่อจากตอนที่แล้ว

กับเบาะสีทะเลทรายขลิบด้ายแดงเลือดหมู ใช้ขับเองสำหรับไปงานปาร์ตี้ยามแลง แสงตะวันคล้อยต่ำ มิเช่นนั้นจะเปนรถลิมูซีน ยาวพิเศษมีคนขับ ขับเข้าเทียบประตูคฤหาสน์ทำเนียบท่านทูตหลังพระบรมรูปควีนวิกตอเรียถ. วิทยุ กรุงเทพพระมหานคร เห็นท่านใช้วอลโล่ 264 ลิโมซีนเปนรถปลดระวางจากราชสำนักไทย ที่ท่านนำมาบำรุงรักษา ไม่เด่นมาก ไม่ดาดมาก ส่งเสริมบารมียามเข้าที่ต้องอวดกัน ท่ามกลางคำถามว่าของเก่าแล้วใช้ทำไม ?
 
ท่านว่า Any men can buy new cars. แล้วชี้ไปที่รถประวัติศาสตร์

“Only a man can keep them running.”
 
บ่งนิยามความหมายบุรุษรัตนชาติผู้พยายามพลิกฟื้นแล้วช่วยเหลือ ไม่ใช่แค่กับธุรกิจร้างรากับคนหมดทาง แต่กระทั่งกับเครื่องยนต์ซึ่งเคยวิ่งเคยรันได้ดีในวิถีอนุรักษ์และประวัติศาสตร์

One for Sunday

แบบธรรมเนียมแบบของคน 1990s คือ วันเวลาสำหรับครอบครัวจะหัวหกก้นขวิดอย่างไรเชิญให้เต็มที่ ใช้จ่ายเวลาของตัวเสียในคืนวันเสาร์ เช้าตรู่วันอาทิตย์อย่าตื่น_ นอนชดเชยเสียให้สิ้นกระแสอ่อนล้า คอยตะวันแยงตาเมื่อไร ค่อยลุกขึ้นนวยนาดไปล้างหน้าล้างตา แต่งตัวเกือบสบายแบบว่า casual (แต่ไม่ใช่และไม่เคยใส่ขาสั้น) ลงไปโรงรถแล้วขับรถเองในวันรถโล่ง อย่าอย่ารบกวนคนรถ วันอาทิตย์เปนวันหยุด จะบาปออกไปหาของกินกับครอบครัวเปนมื้อ บรั้นช์ [(Breakfast + Lunch)/2 ]= brunch ใช้จ่ายเวลาตัวเองไปกับความสุขในครอบครัว-family dayที่โรงแรมรีเจนท์ที่เปลี่ยนชื่อไปเรื่อยเปนโฟร์ซีชั่นส์บ้าง เปนอนันตราบ้าง จัดมื้อบรั้นช์ไว้รองรับแบบธรรมเนียมชีวิตเช่นนี้ ตรงลานหินดำมีเป็ดเทศสีสวยเล่นน้ำ คลอไปกับปลาคราฟสีส้มอุ้ยอ้าย เสียงน้ำไหลจากน้ำตกเทียมนั้น จรรโลงบรรยากาศให้มื้ออาหารรื่นรมย์ อย่าได้ปล่อยให้นาทีแห่งความสุขผ่านเลยไป ฝรั่งว่า live as if you will die tomorrow สื่อความหมายอย่าประมาทว่าจะได้เสพสุขในที่ทุกสถานอย่างในทศวรรษ 1990 อีกเสมอไประวังไว้ว่าไอ้ที่แน่ใจนั้นมันอาจไม่หวลกลับมาอีก อย่างน้อยก็เมื่อครอบครัววันอาทิตย์ที่ว่านั้นพลัดพรากจากกันไปตามกฎของเวลา หรือเกิดชะตาแทรกซ้อนให้แตกหัก

อย่าได้ปล่อยให้นาทีแห่งความสุขผ่านเลยไปเริ่มเสียด้วยการเดินทางไปสู่รมณียสถานวันอาทิตย์ด้วยพาหนะชนิดที่ว่าส่งมอบ driving pleasure อย่าง หนักแน่น รื่นราบ แต่กระชากทันทีที่เรียกเร่ง กลิ่นเบาะหนังแท้และรูปลักษณ์แปลกประหลาด เมื่อชื่นเชยมื้ออาหารแสนสุขกับครอบครัวแล้ว พากันเดินทางกลับด้วยฝีมือของหัวหน้าครอบครัวในพาหนะที่ส่งมอบความอบอุ่นเปนกันเองแต่ไม่อึดอัด_ แหม่ มันช่าง joyluck
 
SAAB 9000 Aero เทคโนโลยีอากาศยาน สีดำ ในล้อแมกซ์ล้ำสมัย ภายในหนังแท้ดำขลับเปนรถทางเลือกของวันอาทิตย์
 
ปรัชญาของรถนี้เปนอย่างไรดูได้ตามรูปประกอบหลายครั้งได้รับชวนให้ไปร่วมความสุขในวันเก่า ตามประสานักเรียนเศรษฐศาสตร์ร้อนวิชาก็เอ่ยอิบวาจาแต่ท่านผู้กรุณาเลี้ยงรับ ว่ามันช่างเปนความสุขราคาแพง
 
หลังกรอบแว่นตาสีทองนั้นมีประกายวิบวับ มือชื้ออกไปยังเหล่าบริกร / บริการิณี ในเครื่องแบบติดป้ายชื่อทองเหลืองวาววับ ผู้คอยจับตาให้บริการ จัดเสิร์ฟอาหารด้วยความทรงจำยิ่งยวด คนไหนนั่งตำแหน่งไหนสั่งอะไร แนะนำเครื่องดื่มเข้ากันไม่ผิดพลาด ไฟแช็คถึงมือทันทีที่ควักบุหรี่ไม่ต้องมีร้องขอ


 
“This is what we pay for.”
 
เปนคำตอบของมหาเศรษฐีผู้รู้หน้าที่อุปถัมภ์งานพัฒนาขีดความสามารถของทรัพยากรมนุษย์ Human Development อันซึมซาบ เข้าไปในหัวใจของเยาวชนที่มิอาจหาเรียนหารู้ได้จากตำรับวิชาใดในรั้วสำนักมหาวิทยาลัยได้เลย
 
หลายครั้งที่เมื่อได้รับอะไรแล้วเราพยามตอบแทนท่านผู้ให้ในหลายสถานการณ์เช่นการรับเลี้ยงในบรรยากาศหรูเฟ่ พร้อมบทสนทนาคุณภาพบ้าง หรือการได้รับทุนการศึกษาแล้วพยามใช้คืนหลังจากฟื้นฐานะแล้วบ้าง
 
มหาเศรษฐีผู้นี้เอ่ยไว้ก่อนออกเดินทางไปพบพระผู้เปนเจ้าของเขา
 
Return a courtesy is good.
 
But it is better that you keep giving forward.
 
ในนิยามความหมาย_ไม่ต้องตอบแทนคืนแก่ฉัน เพียงส่งต่อไปเรื่อยๆ (สู่คนรุ่นถัดไป) จะดีกว่า คตินี้ซึบชาบเข้าไปในหัว แล้วส่งผ่านไปหัวใจให้ยึดปฏิบัติต่อเนื่องมานับแต่นั้น ไม่ว่าจะเรื่องตั้งโต๊ะกิน หรือ หยิบยื่นโอกาสแก่ผู้มาทีหลังฯ คนบุรุษอย่างท่านเซอร์อลันนี้ นึกไปแล้วท่านควรมีสถานะพิเศษ
 
S-Class เปนชื่อชั้นของรถใหญ่ ในตระกูลเมอร์ชิเดส เบนซ์ สตุ๊ทการ์ดเยอรมันผู้ย่อรหัส จาก Special อย่างว่า ความพิเศษ S-Class ชั้น “พิเศษ’
 
ก่อนที่จะไล่เรียงไปถึงประดารัฐบุรุษผู้ครอบครองและใช้งานก็ให้คิดถึงว่า ความ’พิเศษนี้คล้ายอย่างภาพยนตร์ X-Men First Class อันเปนชื่อที่บ่งความหมายได้หลายหลาก X-men นี่ก็หนึ่งล่ะ ควรจะเรียกกันทั่วๆไปว่า คนวิเศษบ้างคนพิเศษบ้าง
 
ยังไง? ก็คนอย่างที่ว่ามีชีวิตโลดโผน ใส่ความพยายามและสมองลงไปในธาตุทรหดจับหินกลายเปนเพชร จับดินกลายเปนทอง แตะธุลีละอองในไออากาศ กลายเปนเกล็ดแพลตตินั่ม


 
คน X-men นี้ต่างจากมนุษย์ทั่วไป ที่สู้อุตส่าห์โลดโผนโจนทะยาน มีแต่ล้มลุกคลุกคลาน ตกหลุมอากาศเจ็กอั้กหมดตัว! ข้าง First Class นี่ก็อีกหนึ่งล่ะอาจจะไม่แปลว่าห้องเรียนหมายเลขหนึ่ง ชั้นเรียนชั้นแรกก็ได้ หากลองมองทะลุลงไปแล้ว จะเห็นความสำคัญที่สัมพันธ์ ว่าคนพิเศษวิเศษนั้น มักเลือกการเดินทางอย่างพิเศษ
 
วิเศษ_ Extraordinary-!!
 
มร. อลัน เจมส์ เทลเฟอร์, เมมเบอร์ออฟ บริติช เอมไพร์, อภิมหาเศรษฐีแองโกล-เชียงใหม่ นี้เองก็สมควรเปนบุคคลในนิยาม X-men พิเศษวิเศษอีกผู้หนึ่ง
 
ท่านทอดสายตาขันขบเจือเมตตา จากรถเข็นไฟฟ้าสีกรมท่าที่ตนเองสามารถบัญชาการเคลื่อนที่ได้ (อย่างแพงบรรลัยในทศวรรษ1990s) ริมท่าจอดเรือยอชท์ ของมหึมาคอนโดมิเนียมริมน้ำเจ้าพระยา ที่ชั้นเพนท์เฮ้าส์ท่านครอบครองและมีห้องโรงภาพยนตร์ส่วนตัว เอ่ยรำพึง เมื่อได้ยิน เยาวชน pronunciation  ว่า It should be (ชาวบ้านเขาออกเสียง )
 
“เอ็ก-ทร้อ-ดิ-นา-หริ” ตัดพยางค์ทิ้งไปตัว จะมาเอ็ก-ตร้า-ออดินารี่ กันตามตัวอักษรหามิได้
 
...ในความฉงนงุนงง..ก็เข้าใจในฉับพลัน สายตาของท่านเปนสายตาเดียวกันของแม่ทอดมามา ยามถามว่าเนคไทเจ็ดทบยี่ห้อ “แลนวิน” ทำไมมันแพงจัง - Lanvin : ลองแว็ง
 
-อีกสิบปีผ่านมา- เปนสายตาเดียวกันแก่เรายามมองทอดไปยังเยาวชนรุ่นใหม่เห็นเนคไท เซนญ่า แล้วขานนามมันว่า “แซกน่า” !!
 
เวลานั้นปลายทศวรรษ 1990s ไทยไดมารูย้ายฟากจากฝั่งเพลินจิตอาเขตข้ามมาที่ตรงวังเพชรบูรณ์ ทิ้งร้านอาหารฝีมือเก่าค่อย fade จางหาย_ร้านนั้นเมื่อรถเทียบทางเข้าตรงชั้นใต้ดินแล้ว เดินผ่านแผงขายขนมครกญี่ปุ่นไส้ถั่วแดงรูปปลาข้างซ้ายมือ ตรงเข้าประตูแอร์คอนดิชั่นเชิงกระไดเลื่อนมุมขวานั้นเขาตั้งร้านแบบคอฟพี่ช็อป รายการอาหารจานเดียวนั้นคือไก่ฮังการี มันเปนตะโพกไก่ติดน่องทอดพอพองแล้วตุ๋นในน้ำเกรวี่แต่งเปรี้ยวมะเขือเทศรับประทานกับข้าวหุงกลิ่นพริกหวานอย่างข้าวพิโลป เอร็ดอร่อยเหลือประมาณ รับประทานต่อเนื่องมาหลายคราว พยามจะตามหาไม่พบอีกเลยจำได้เพียงรสชาตินั้นติดอยู่ที่ปลายลิ้น และไม่เคยพบพานอีกเลย ถามชื่อร้านกับแม่ก็อนิจจา_หลังการผ่าตัดเนื้องอกในสมองครั้งใหญ่ปลาย ปี 1995 นั้น ทำให้ความทรงจำของท่านลบหายคล้ายคาสเซ็ทเทปถูกตัดทอด กรอกลับมิได้อีก


 
จน 2017 ในความคารวะและรำลึกถึงอดีตมิลเลียนแนร์เชียงใหม่ผู้ฝังร่างคอเคซอยลงในผืนดินล้านนาที่เขารัก ได้รำลึกอดีตอย่างว่าขอพักในห้องที่มันกว้างๆโปร่งๆ แอร์ใหญ่เย็นๆ มีเวลคัม ฟรุ๊ต ในถาดเดินทองเหลือง ด้วยการเข้าพักในความรุ่งเรืองของอดีต ณโรงแรมห้าดาวที่โรยรา ดิเอมเปรส ถ.ช้างเผือก
 
ตื่นขึ้นแล้วไปชั้น 5 ลงสระชุบธาตุอาโปกสิณก่อนจะคลาไคลไปกินข้าวเช้าที่เขาจัดแบบบุฟเฟ่ต์ เห็นไก่ทอดอบตุ๋นในเกรวี่ ก็จ้วงมาชิ้นหนึ่ง เคียงด้วยข้าวสวย เมื่อเข้าปากแล้ว ก็ถึงกับน้ำตาไหล ด้วยมันเปนรสชาติ หอมมันและกลิ่นอวลเนยสด ดั้งเดิมอย่างคราวนั้นที่ไทยไดมารู ขาดแต่ข้าวพิโลปพริกหยวกเท่านั้น
 
เปนอันว่าเช้านั้นไม่ต้องไปไหน เรียกเชิญกัปตันและเชฟมาสัมภาษณ์ว่าจานนี้เรียกอะไรทำอย่างไรด้วปลาบปลื้มที่ได้พบกันมิตรเก่าที่ห่างหายกันไปกว่าสามทศวรรษ_หัวหน้าเชฟว่า ที่นี่ถูกเรียกว่า “ไก่อบไวน์แดง”! @ อนาคตจะเปนเยี่ยงไรหามีผู้ใดทราบดีร้าย
 
ทว่าอดีตนั้น เราผ่านมันมาแล้ว ผ่านมาทั้งร้าย เราจึงเลือกเอาส่วนดี สถิตไว้ในใจจำ เพื่อเห็นแก้ความชื่นฉ่ำในดวงจิตเพื่อก้าวไปในกาลเวลา อย่างมีใจกล้าแกล้วรับมือกับอนาคตแปลกประหลาดที่จะมาถึง