การใช้ชีวิตในการท่องเที่ยวของผู้สูงวัย

09 ธ.ค. 2566 | 05:19 น.

การใช้ชีวิตในการท่องเที่ยวของผู้สูงวัย คอลัมน์ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้ร่วมคณะทัวร์ของสถานีวิทยุ อสมท 100.5MH ในรายการ Good morning Asian มาท่องเที่ยวที่ประเทศเมียนมา โดยนำคณะของแฟนคลับในรายการจำนวน 60 รายเข้ามาเที่ยวที่เมืองพุกามและมัณฑะเลย์ ช่วงก่อนของการเดินทาง ก็มีข่าวออกมาถึงความไม่สงบในประเทศเมียนมาเยอะมาก บางข่าวถึงกับบอกว่าประเทศเมียนมาจะแตก หรือรัฐบาลเมียนมาจะไม่รักษาเมืองได้อยู่ ซึ่งในความรู้สึกของผม ตอนแรกก็หวั่นๆใจอยู่ไม่น้อย 

แต่พอได้โทรศัพพ์มาสอบถามเพื่อนฝูงที่ประเทศเมียนมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองมัณฑะเลย์ เขาก็บอกว่าทุกอย่างเป็นปกติดี ไม่มีปัญหาอะไรเลย ไม่ได้ยินแม้แต่เรื่องความไม่สงบเลย ผมจึงคิดว่าไม่มีปัญหาแน่นอน จึงได้พาคณะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจ และพอมาถึงเมียนมาจริงๆ ก็สงบเรียบร้อยดีมาก ที่มีข่าวไม่สงบ คงจะอยู่ตามตะเข็บชายแดนมากกว่านะครับ
       
เช้าวันเดินทาง พอเรามารวมตัวกันที่สนามบินดอนเมือง ผมก็สังเกตเห็นว่า ในคณะเรามีผู้สูงวัยเกือบค่อนคณะ ส่วนใหญ่จะเกษียณอายุกันเสียเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งทำให้ผมมีความรู้สึกว่าผมคิดถูกแล้ว ที่ทางอสมท.จัดทัวร์มาในครั้งนี้ เพราะว่านี่อาจจะเป็นไม่กี่ครั้งท้ายๆ ของผู้สูงอายุบางท่าน ที่สามารถเดินเหินได้อย่างอิสระ 
 

เพราะหากต้องรอไปจนกว่าสถานการณ์สงบลง  ก็ไม่ทราบว่าอีกนานแค่ไหน จึงจะมีโอกาสได้ออกมาท่องเที่ยวแบบนี้ และหลังจากที่ได้พูดคุยกับผู้สูงวัยบางท่าน ท่านก็บอกว่าท่านใฝ่ฝันว่าจะได้เดินทางมาไหว้พระที่ประเทศเมียนมามาก เลยทำให้ผมคิดว่าคิดถูกแล้วที่เดินทางมาด้วย เพราะเป็นการเพิ่มความสุขทางใจให้แก่ผู้สูงวัย นับเป็นกุศลจิตที่ควรทำเป็นอย่างยิ่งครับ
        
การท่องเที่ยวเป็นการพักผ่อนที่ดีมากสำหรับผู้สูงวัย เพราะทำให้ชีวิตบั้นปลายของท่านเหล่านั้นได้ผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง ผู้สูงวัยบางท่านได้พบเห็นสิ่งที่อดีตอาจจะเคยพบเห็นมาแล้ว หลังจากที่ไม่ได้พบมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ท่านก็จะมีความเบิกบานใจเป็นพิเศษ อีกทั้งเวลาที่ท่านได้ไปไหว้พระ บางท่านดูออกว่ามีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่ง และท่านจะแสดงออกถึงความอิ่มเอิบใจออกมาทางสายตาและกริยาท่าทางให้ได้เห็น ทำให้เรามีความสุขไปกับท่านเหล่านั้นไปด้วยครับ 

การออกทริปท่องเที่ยวครั้งนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่ได้พบเห็น คือความมีน้ำใจที่จะเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนมนุษย์ เพราะหลังจากที่เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศนี้ที่รุนแรงกว่าที่อื่น ความรู้สึกเมตตาสงสารในความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์ ทำให้บางท่านถึงกับแลกเงินแบงค์พันจ๊าด(ประมาณสิบกว่าบาท) เป็นปึกใหญ่ๆ แล้วนำออกมาแจกจ่ายให้แก่เด็กๆ ที่มาเร่ขายของชำร่วยตามรถที่เรานั่งไปชมสถานที่ท่องเที่ยว 

โดยให้เด็กเหล่านั้นเข้าแถวให้เป็นระเบียบ แล้วแจกให้คนละสองพันจ๊าด ตอนแรกก็มีเพียงท่านสองท่านที่ร่วมกันนำเงินออกมารวมกัน แต่พอเห็นเด็กๆ เหล่านั้นมีความสุขที่ได้รับเงินบริจาค ก็มีอีกหลายท่านที่ควักเงินออกมาสมทบกันอีกหลายท่านเลยครับ ผมเห็นภาพนี้แล้ว มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ ส่วนท่านผู้สูงวัยเอง ก็ต้องมีความสุขมากกว่าผมเป็นอีกหลายเท่าอย่างแน่นอนครับ
         
การมาท่องเที่ยวครั้งนี้ของผม แม้จะต้องมาในฐานะของผู้ให้บริการ แต่ผมได้เห็นความสุขของผู้สูงวัย ที่นอกจากได้ทำบุญแล้ว ยังได้มีความสุขในบั้นปลายของชีวิตอีกด้วย ทำให้เกิดความรู้สึกว่าคุ้มค่าจริงๆ แน่นอนว่าหลายๆ ท่านเหล่านั้น ได้เกษียณอายุมานานมากแล้ว การที่ได้ออกมาเห็นโลกภายนอกบ้าง โดยไม่จับเจ่าอยู่ที่บ้านคนเดียว ก็นับว่าเป็นการผ่อนคลายได้อย่างดีเยี่ยมเลยครับ 

มีอยู่ท่านหนึ่งท่านเป็นผู้สูงอายุหญิง ที่ทำร้านอาหารอยู่ที่ต่างประเทศมานาน แต่ท่านไม่ได้แต่งงาน ครองความเป็นโสดมานาน ท่านจึงคิดว่าควรจะกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย จึงกลับมาเปิดร้านอาหารที่น่ารักๆ ทางแทบชายทะเลฝั่งตะวันตกของอ่าวไทย ท่านเล่าให้ผมฟังว่า ช่วงที่ตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด ชีวิตนี้ท่านก็ไม่คิดอะไรแล้ว แค่อยากจะพักผ่อนแล้ว แต่พอเอาเข้าจริงๆ ท่านก็เหงา หากเป็นเช่นนี้อีกต่อไป คงต้องเป็นโรคซึมเศร้าแน่ๆ 

เพราะท่านเคยเป็นคนที่โดดเด่นมาก่อน อีกทั้งในอดีตทุกวันจะมีคนมาทานอาหารที่ร้านท่านมากมาย ทำให้ไม่เกิดความน่าเบื่อหน่าย แต่พอได้เกษียณอายุจริงๆ ทุกวันนี้มีความรู้สึกว่า วันเวลาที่มีความสุขได้ขาดหายไป เลยทำให้เกิดความเหงา พอได้ออกมาท่องเที่ยว ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ อีกทั้งผู้ร่วมคณะมีความเป็นกันเองมาก เลยรู้ว่าการท่องเที่ยวสามารถสร้างความสุขได้อย่างดีเยี่ยม ชีวิตกลับมากระชุ่มกระชวยดีมาก
         
มีอีกท่านหนึ่ง ท่านบอกว่าการเลือกออกมาท่องเที่ยวในครั้งนี้ รู้สึกถึงความมี “ศีลเสมอกัน” ของกลุ่มเพื่อนใหม่ในคณะทัวร์มากขึ้น ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับท่านมากครับ เพราะคนที่มาร่วมท่องเที่ยวกันในครั้งนี้ ทั้งอายุ  การศึกษา  สถานะทางการเงิน และความคิดอ่านใกล้เคียงกันอยู่ไม่น้อย จึงเป็นการเสริมให้ผู้สูงวัยได้เกิดความสุขทางจิตใจเป็นอย่างยิ่ง 

ยิ่งก่อนวันที่จะเดินทางกลับหนึ่งวัน ก็มีท่านหนึ่งมาบอกผมว่า ทำไมเวลาแห่งความสุขจึงผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ผมจึงบอกท่านว่า ขอให้ทำทุกวันให้มีความสุข ไม่ว่าท่านจะทำอะไรก็ขอให้คิดบวกเข้าไว้ แล้วท่านจะมีความสุขใจเองครับ อาจจะในเวลาหนึ่งปี ควรได้ออกมาท่องเที่ยวบ้างสักสองสามครั้ง ก็จะเป็นการเสริมแบตเตอรี่ให้ชีวิตที่ดีที่สุดครับ แต่ต้องเลือกไปกับกลุ่มที่มีความใกล้เคียงกันหน่อย ก็จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเลยครับ