มุมมองสถานการณ์จากคนภายนอกเมียนมา

27 พ.ย. 2566 | 04:27 น.

มุมมองสถานการณ์จากคนภายนอกเมียนมา คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

ผมได้เขียนเรื่องวิกฤตการณ์ทางการศึกษาของไต้หวันมาสองสัปดาห์ โดยไม่ได้เขียนเรื่องราวต่างๆ ของประเทศเมียนมา แต่ไม่ใช่ว่าภายในประเทศเมียนมาจะไม่มีข่าวคราวนะครับ สถานการณ์ในประเทศเมียนมายังคงมีเหตุการณ์ที่น่าสนใจ และควรจะต้องจับตามองอยู่เยอะ หลากหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในประเทศ เป็นเรื่องที่น่ากังวลใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ผมจะขอนำเอาเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในสายตาของคนภายนอกที่ไม่ใช่คนเมียนมาอย่างผม มาเล่าสู่กันฟังนะครับ 

แต่ผมคงไม่จำเป็นต้องไปแตะเรื่องการต่อต้านของกลุ่มชาติพันธุ์ ที่รวมตัวกันสามกลุ่มใหญ่ แล้วทำให้เกิดเหตุการณ์ยุทธการ 1027 ขึ้นในประเทศเมียนมา เพราะผมเชื่อว่ากลุ่มผู้ที่สนใจปัญหาภายในประเทศเมียนมาทุกท่าน คงจะได้ติดตามข่าวสารกันหมดแล้วทุกท่าน เพราะมีนักวิชาการหลายท่าน ที่ออกมาวิเคราะห์ข่าวกันเยอะแยะไปหมด วันนี้เราเพียงมาดูมุมมองของนักธุรกิจ ที่ทำการค้ามาช้านานอย่างผม ว่ามองเหตุการณ์ดังกล่าวนี้อย่างไรจะดีกว่านะครับ
        
ในวันที่ 23 พฤศจิกายน หลังจากเกิดเหตุการณ์ยุทธการ 1027 ที่มีความรุนแรงมากขึ้นตามลำดับ ก็มีข่าวของการส่งโดรนที่เป็นโดรนติดอาวุธ จากฝั่งที่ต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา ได้ไปทิ้งระเบิดแต่ดันเกิดความผิดพลาดเกิดขึ้น ระเบิดไปตกยังรถบรรทุกของพ่อค้าจีนแผ่นดินใหญ่ ที่จอดเรียงรายรอการขนส่งสินค้าอยู่ที่เขตจินซาน ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ด่านยุ้ยหลี่-มู่เจ ทำให้เกิดเพลิงไหม้รถบรรทุกดังกล่าว เสียหายไป 158 คัน แน่นอนว่าบนรถบรรทุกดังกล่าว ได้บรรทุกเอาสินค้าอีกจำนวนมากเตรียมส่งไปยังเมืองย่างกุ้ง แต่ต้องถูกเพลิงไหม้เสียหายจนหมด ภาพที่ออกมาทางสื่อต่างๆ พวกเราอาจจะได้เห็นกันมาบ้างแล้วนะครับ 

ความเสียหายจากผลพวงของการสู้รบ ที่ไม่เพียงช่วงนี้เท่านั้น ผมคิดว่าเอาเฉพาะช่วงตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา ความเสียหายที่เป็นทรัพย์สิน ยังไม่เห็นหน่วยงานไหนออกมาประเมินเป็นตัวเม็ดเงินเลย แต่จากสายตาของคนทั่วไป เชื่อว่าตัวเลขเสียหายค่อนข้างจะมหาศาลทีเดียว เพราะนอกจากจะเสียหายทั้งด้านเศรษฐกิจการค้า และด้านอาคารบ้านเรือน จึงไม่สามารถประเมินมูลค่าอย่างชัดเจนได้
       
ก่อนที่เราจะมาคาดการณ์ถึงอนาคตการค้าชายแดน และผลที่จะส่งมายังชายแดนไทย เราต้องทำความเข้าใจถึงสภาพของชายแดนดังกล่าวก่อน  ด่านชายแดนยุ้ยหลี่-มู่เจ เป็นด่านชายแดนที่มีมูลค่าการค้าชายแดนทั้งประเทศเมียนมาที่สูงที่สุด และเป็นด่านสำคัญในการขนถ่ายสินค้า ทั้งนำเข้าและส่งออกเข้าสู่ประเทศเมียนมาทั้งหมด ถ้าเรามาจากทางด้านมณฑลยูนนาน เราจะพบว่าด่านนี้มีประตูผ่านแดนสามประตูหลัก ที่เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่การค้าชายแดนของเมียนมาทั้งหมด โดยด่านแรกจะเป็นประตูสำหรับประชาชนทั่วไปเดินทางไปมาหาสู่กัน ประตูหรือด่านที่สอง จะเป็นประตูสำหรับรถเล็กทั่วไปผ่านเข้า-ออก 

ส่วนประตูหรือด่านที่สาม จะเป็นด่านสำหรับรถบรรทุกหนักผ่านเข้าออก ด้านในฝั่งจีนจะมีลานจอดรถที่กว้างใหญ่มาก รถขนสินค้ามักจะมาพักรถและถ่ายสินค้ากันที่นี่เสมอ ในฝั่งของเมียนมาเอง ผมเองเคยไปที่นั่นมานานมากแล้ว ในยุคที่ผมไปดูช่องทางการค้าผ่านมาทางประเทศเมียนมา ก็จะมีถนนที่กว้างพอประมาณ ไม่ได้คึกคักเหมือนฝั่งจีน แต่ก็จะมีรถบรรทุกที่จอดรอเพื่อขนถ่ายสินค้า จอดอยู่ตามไหล่ทางไม่น้อย  แต่เท่าที่ผมได้เห็นภาพที่ปรากฏในวีดิทัศน์ ที่เพื่อนส่งต่อๆ กันมาให้ดู ผมรู้สึกว่าสถานที่เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก จนผมเองก็นึกภาพไม่ออกว่าจุดดังกล่าวนั้นอยู่ที่ใด? แต่อย่างไรก็ตาม เรามาดูกันที่ผลที่จะตามมากันดีกว่าว่า แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น?

จากผลการโจมตีครั้งนี้ เท่าที่ผมฟังจากเพื่อนๆ ที่เป็นชาวเมียนมา เขาเชื่อว่าในความรู้สึกของประชาชนทั่วไป คิดว่าคงจะต้องมีการตอบโต้กลับจากทางการเมียนมาอย่างแน่นอน ดังนั้นการค้าชายแดนด่านนี้ ถ้าหากไม่ได้รับการแก้ไขสถานการณ์อย่างเร่งด่วน  การค้าจะต้องหยุดชะงักอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งเชื่อว่าทางการจีนเอง เขาก็คงไม่สบายใจกับการทำลายบรรยากาศของการค้า ที่เพิ่งจะเปิดใหม่อีกครั้งได้ไม่นาน เพราะทางการทั้งสองฝั่ง ได้ปิดด่านพรมแดนด่านนี้มาตั้งแต่การระบาดของโรคร้ายโควิด-19 มานาน สินค้าที่สำคัญของทั้งสองฝั่ง อาจจะต้องขาดแคลนลงไปอีกนานเท่าใด? ไม่สามารถทราบได้ว่าจะจบลงได้อย่างไร? 
       
ในส่วนของชายแดนไทยกับเมียนมา คงต้องมีการเตรียมรับมือกับการค้า ที่บางส่วนอาจจะไหลมาทางชายแดนไทย-เมียนมาก็ได้ เพราะสินค้าที่เป็นสินค้าการเกษตรพื้นฐานหลายๆ ตัว จีนคือลูกค้ารายใหญ่ของเขา ถ้าการขนส่งเข้าไปทางด้านเหนือ ได้หยุดชะงักลง สินค้าเหล่านั้นต้องหาทางส่งออกให้ได้ เพราะที่เมียนมาไม่มีไซโลขนาดใหญ่ ที่จะรองรับผลผลิตทางการเกษตรข้ามปีได้ จึงเป็นที่มาที่เขาต้องระบายสินค้าออกไปให้ได้ ทางเดียวที่ทำได้ ก็ต้องอาศัยประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกันนี่แหละ เราต้องมาช่วยและเติบโตไปด้วยกันครับ
      
ในส่วนสินค้าที่จะต้องนำเข้าเพื่อให้ประชาชนได้บริโภค ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ไม่มีการผลิตภายในประเทศเมียนมา แต่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ในอดีตก็ต้องใช้สินค้าของประเทศเพื่อนบ้านนี่แหละครับ เมื่อทางชายแดนด้านบนมีปัญหา อานิสงส์ต้องตกมาที่ชายแดนด้านใต้นี้ได้ครับ เพียงแต่ขอให้พวกเราช่วยกันภาวนา ขอให้สันติภาพในประเทศเมียนมา จงได้บังเกิดแต่โดยเร็ว อย่าให้สถานการณ์ที่รุนแรงภายในประเทศเกิดขึ้นมาอีกต่อไปเลย โดยเฉพาะตามชายแดนฝั่งติดกับไทยเรา และขอให้ทีมงานเจรจาของฝั่งรัฐบาลไทยเรา ต้องเดินหน้าเจรจาให้เขาเปิดให้สินค้าของบ้านเรา ส่งเข้าไปได้สะดวกๆ หน่อย เราจะได้หายใจหายคอคล่องขึ้นนะครับ