ผมมีความภาคภูมิใจที่คิดคติพจน์เป็นกะเขาเหมือนกัน (ฮา) คำโครมที่ว่าเนี่ย มีเงาสัจจะแฝงเร้นดังอึกทึกครึกโครมมิใช่น้อย คำโครมที่โม้เอาไว้นั้น คือ “พึงตระหนักไว้เสมอว่า อย่าดูหมิ่นใคร หรือสิ่งใดในโลกนี้แม้แต่คนเดียวหรือสิ่งเดียว ไม่ว่าคนนั้นหรือสิ่งนั้นจะดีหรือเลว ก็ไม่สมควรประเมินต่ำแม้แต่น้อย”
ขอหยิบ “หลักการประเมินทักษะด้านความยาก” เอามาเล่านำร่องสักหน่อย อย่างเช่น มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมสวมวิญญาณโค้ช ถามผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหลักสูตร “คิดให้ถูกจุด พูดให้โดนใจ” ว่า “คุณบอกผมหน่อยสิว่า คนดี กับ คนไม่ดี สังเกตอะไรเป็นหลัก” เขาตอบผมว่า “ดูไม่ยากหรอกค่ะ คนดีน่ะ…ผีคุ้ม! คนไม่ดีน่ะ…ผีเข้า!” (ฮา)
ผมถามเขาต่อว่า “คนที่โดนผีอำล่ะ เป็นคนยังไง” เขาหัวเราะแล้วก็ตอบผมว่า “สงสัยจะคุ้มดีคุ้มร้ายมั้งคะ!” (ฮา) ว่าแล้วเขาก็พลิกลีลาหันมาพูดเป็นหลักการว่า “คนดีจะต้องรู้ตัวเสมอว่าไผเป็นไผ คนไม่ดีมักจะพลั้งเผลอ พูดจาเล่นหัวลามปามตีเสมอ
หลังจากมีโอกาสได้คลุกคลีตีสนิท คนดีอาจจะไม่พอใจ แต่อาศัยว่า คนดีทำความดีเอาไว้เยอะ ภาพลักษณ์ไม่เสียหาย คนดีผีคุ้ม บุคลิกอยู่ในความสงบ ไม่มีแอ็คชั่นน่ารำคาญ คนไม่ดี มักจะทำตาขวางเมื่อโดนขัดคอ พูดเลอะเทอะเลยเถิดในเรื่องที่ไม่ควรพูด
แอ็คติ้งเดียวกันเลยกับ คนผีเข้า ใครโต้แย้งเขา เขาจะไม่เกรงใจไม่เกรงกลัว ในหัวมีอยู่วรรคเดียว หนูไม่ยอม หนูไม่ยอม หนูไม่ยอม แตะหาง (เปีย) หน่อยเดียว ซิ่งย้อนศรมาเลยค่ะ” (ฮา)
ทุกท่านคงจะเคยเจอเพื่อนมุก “ตลกแด๊ก” หลายครั้ง ไม่รู้ว่าเคยเจอมุก “ตลกอู้” กันบ้างหรือเปล่า คนแรกในเรื่องนี้ ผีเข้า คนที่สองในเรื่องนี้ อำผี (ฮา)
คนงานในโรงงานทั้งสองคนกำลังคุยกัน ผู้หญิงปรารภว่า “ฉันสามารถให้เจ้านายให้วันหยุดฉันได้” ผู้ชายก็ทักว่า “คุณจะทำยังไง” ผู้หญิงกระซิบว่า “รอดูไปก่อน” ว่าแล้วเธอก็เลียนแบบ ท่านย่านาค ห้อยหัวลงมาจากเพดาน เจ้านายเข้ามาแล้วพูดว่า “คุณกำลังทำอะไรอยู่!” เธอก็ตอบว่า “ฉันเป็นหลอดไฟ”
เจ้านายจึงพูดว่า “คุณทำงานหนักจนแทบบ้า ผมคิดว่าคุณต้องหยุดงานสักวันหนึ่ง” ผู้ชายสายอำผีทำเป็นเดินตาลอยติดตามเธอไป เจ้านายก็พูดว่า “คุณจะไปไหน” ชายคนนั้นพูดว่า “ผมก็จะกลับบ้านเหมือนกัน ผมไม่สามารถจะทำงานในความมืดได้” (ฮา)
ฟากขะโน้นปล่อยให้เขาทำสงครามกันไป ฟากเราเอษฮาไว้ก่อน บัดนั้น หยิบมุกเอามาหยอกบอกกันเด๊อ เธอ คือ ลูกน้อง ที่มีผีกุมารทึ่มเข้าสิง ปล่อยอุบายขลุกขลิกพลิกเหลี่ยม ด้วยการโทรมาคุยขุดร่องเพื่อพูดล่อลวงให้เจ้านายเผลอพูดตกร่อง เธอประเดิมถ้อยคำว่า “ขอโทษนะคะ เจ้านาย วันนี้…หนูมีอาการไอคล้ายติดเชื้อ” เจ้านายเผลออุทานว่า “คุณมีอาการไอติดเชื้อ?” ลูกน้องเจ้าเล่ห์ตีลูกเซ่อทันควันเลยว่า “ใช่ไหมคะ เจ้านาย ขอบคุณที่แนะนำนะคะ เจอกันสัปดาห์หน้านะคะ!” (ฮา)
ลูกน้องที่มีผีกุมารทึ่มเข้าสิง ต้องเอาไปตั้งองศาแพให้แพมันลอยไปที่เกาะกะโหลก เห็นใจเกาะสีชังเขาบ้าง เหตุที่ได้ชื่อว่า เกาะสีชัง เพราะว่า แต่เดิมเกาะนั้นมี ท่านพระฤาษี มาสร้างอาศรมอยู่ แพที่ลอยคนไม่ดีจากอยุธยามักจะเข้าเทียบท่าเกาะนี้เป็นประจำ ปวดเศียรจนตะบะคลายเกลียวเหลียวตามองด้วยความชิงชัง! (ฮา)
ก้าวที่สองในการประเมิน ขอยก “ทักษะด้านความสามารถทางปัญญา” เอามาเล่านำทางเพื่อเสริมแรงความสามารถในการวัด ทั้งดอกและผลกันอีกจุดหนึ่ง ผมไม่เอ่ยอ้างแบรนด์ เพราะไม่นิยมกินข้าวฟรีหลังลูกกรง เรื่องของเรื่องที่มันขยายผลจนเกิดเรื่องซ้อนเรื่องมันมีฝอยความคิดอยู่ว่า
เกิดอุบัติเหตุเป็นกรณีพิเศษที่นานๆ จะมี คือ รถชนจนกระโปรงด้านหน้ายุบ แต่ทว่า ถุงลมนิรภัยมันไม่ทำงาน ทำให้ ผู้ขับขี่ซี่โครงหัก แขนเดาะ ลูกค้าผู้โชคร้ายเข้ามาเจรจากับพนักงานที่โชว์รูม เพื่อทวงสิทธิชดเชย ผลปรากฏว่า ลูกค้าหงุดหงิดเพราะพนักงานแก้ต่างแบบไม่ค่อยจะเห็นใจลูกค้า ลูกค้าจึงเอาเรื่องไปบอกกล่าวให้หนังสือพิมพ์ ช่วยลงข่าวแฉให้หน่อย เนื่องจากพนักงานโชว์รูมชี้แจงลูกค้าด้วยข้ออ้างที่ฟังแล้วดูพิลึกว่า
“มันเป็น 1 ใน 100 จริงๆ นะคุณ ระบบถุงลมนิรภัยในรถไม่ทำงาน เพราะว่าแรงปะทะในการชนมันชนเบาเกินไป มุมในการชนมันจึงไม่ได้องศาตรงกับระบบเซ็นเซอร์ มันชนมุมเอียง ไม่ได้ชนมุมตรง” (ฮา)
ผมจับยามสามตา คือ ตาผม ตาท่านผู้อ่าน กับ ตาของผู้จัดการโชว์รูม (ฮา) ขอประทานอนุญาตชี้แนะตามประสาผู้ชำนาญการด้านการ (เผือก) สอดแนมเรื่องชาวบ้าน จึงนำเสนอหลักปฏิบัติดังนี้ว่า
“ผมเป็นห่วงคุณมากกว่าเป็นห่วงรถนะครับ สำหรับสิทธิชดเชยเขากำลังพิจารณากันอยู่ กรณีที่มันเกิดเหตุขัดข้องด้านเทคนิค ฝ่ายผลิตเขาประชุมค้นหาคำตอบกันแล้วว่า มันพร่องตรงจุดไหน ผู้เชี่ยวชาญเขาก็บอกว่า นี้ถ้า ไอสไตน์ เป็นผู้จัดการฝ่ายผลิตคงจะลำบากใจกับผลสรุป เพราะมันเป็นความจริงที่อธิบายยาก ผมว่าเรารอคำตอบเรื่องสิทธิชดเชยดีกว่า จังหวะเหมาะเมื่อไหร่ผมจะอธิบายเอง ขอให้คุณหายป่วยในเร็ววันนะครับ”
สำนวนการพูดคุยที่ผมแต่ง ถึงแม้มันจะไม่หล่อ แต่มันก็ขี้เหร่น้อยกว่าสำนวนที่พนักงานพูดตรงเผงแต่เป็นความจริงที่เฉลยผิดเวลา ผลลัพธ์มันคล้ายๆ กับ จันทโครพ ที่เปิดผอบผิดกาละเทศะ นั่นแหละ
พักสมองรอมื้อหน้า ผมจะไขเซฟล้วงตับการทดสอบบุคลิกภาพ กับ การทดสอบผลการทดลองงาน!