STARK เปิดโผใครได้...ใครเสีย!

19 เม.ย. 2566 | 07:00 น.
อัปเดตล่าสุด :19 เม.ย. 2566 | 10:49 น.
3.2 k

คอลัมน์ เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์

*** ผลพวงที่เกิดหลังจาก STARK ขอขยายระยะเวลาการส่งงบไปเป็นวันที่ 21 เม.ย. 66 ทำให้นอกจากจะยังถูกห้ามซื้อขายต่อไปจนกว่าจะส่งงบได้ ก็ยังมีเรื่องของ DW ที่ใช้อ้างอิงหุ้น STARK ถูกเพิกถอนออกไปจากตลาดฯ ทุกตัว รวมถึง STARK ยังถูกปลดออกจาก SET100 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย. 66 สร้างความเสียหายให้กับผู้ถือหุ้นแทบทุกภาคส่วน เริ่มตั้งแต่นักลงทุนที่เล่น DW ที่ทุกอย่างกลายเป็นศูนย์แบบไม่เหลืออะไร ขณะที่เดียวกันก็มีแนวโน้มว่า ราคาหุ้นของ STARK อาจจะปรับตัวลงอีกภายหลังส่งงบการเงินงวดปี 65 ซึ่งจะเป็นเหตุให้ผู้ถือหุ้นของ STRAK ไม่ว่าจะเป็นกองทุนที่มีทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงนักลงทุนรายใหญ่และรายย่อยเจ็บตัวหนัก

โดยกลุ่มผู้ลงทุนที่จะเจ็บตัวในรอบนี้ ประกอบไปด้วยนักลงทุนสถาบันในประเทศ เช่น บลจ.บัวหลวง, บลจ.ไทยพาณิชย์, บลจ.เกียรตินาคินภัทร, บลจ.กรุงไทย, บล.เจพีมอร์แกน (ประเทศไทย), บลจ.เอ็มเอฟซี บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย), บลจ.กสิกรไทย และ กลุ่มบริษัท บีทีเอส

ขณะที่กลุ่มสถาบันต่างประเทศประกอบด้วย บล.เครดิตสวิส, ธนาคารเอชเอสบีซีถือหุ้น, แบงค์ ออฟ สิงคโปร์, ธนาคารเซาธ์ อีส เอเซีย, และธนาคาร ยูบีเอส กลุ่มนักลงทุนรายบุคคลประกอบด้วย นายณัฐภัทร ศุภนันตฤกษ์ นายนเรศ งามอภิชน และ ยังมีผู้ถือหุ้นรายย่อยอีกจำนวน 9,613 ราย

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าราคาหุ้นของ STARK ร่วงลงหนักแค่ไหน แต่กลุ่มของ นายวนรัชต์ ตั้งคารวะคุณ ก็แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากราคาหุ้นที่ปรับลง เพราะมีต้นทุนอยู่ที่ราคาหุ้นละ 0.60 บาท เพียงเท่านั้น อื่ม...ที่เค้าว่ากันว่า “เข้าก่อนได้เปรียบกว่า” มันเป็นอย่างนี้นี่เองเจ้าค่ะ

*** หุ้นถ่านหินอย่าง BANPU LANNA รวมไปถึง AGE มีค่า P/E อยู่เพียงแค่ 2 เท่ากว่าๆ แต่กลับเป็นหุ้นที่ไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างที่ควรจะเป็น อย่างหนึ่งอาจเป็นเพราะมองวกันว่า ราคาของถ่านหินได้ผ่านจุดที่ดีที่สุดไปแล้ว รวมถึงเป็นไปได้ที่อาจจะมองได้ว่าด้วยความที่หุ้นถ่านหินเป็นหุ้นวัฏจักร (Cyclical) ทำให้นักลงทุนเชื่อว่ามีโอกาสที่จะเลือกลงทุนในจุดที่ดีที่สุด จนทำให้หุ้นในกลุ่มนี้ถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหุ้นกลุ่มนี้อาจจะผ่านช่วงเวลาที่ดีที่สุดไปบ้างแล้ว แต่โดยภาพรวมแล้วยังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าสนใจจากมุมมองของนักวิเคราะห์ ที่บอกว่า กำไรที่มาจากธุรกิจถ่านหิน จะยังคงดีต่อเนื่องไปอีก จนถึงปลายปี 66 รวมถึงยังมองว่า หุ้นกลุ่มนี้เป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบในทางบวกจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อจนไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ ดังนั้น ถ้าจะมีหุ้นแบบนี้จะมีเก็บเอาไว้บ้างก็ไม่น่าจะเสียหาย เพราะถึงแม้จะไปไหนได้ไม่ไกล แต่ถ้าจะใช้เป็นหุ้นหลุมหลบภัยก็น่าจะดีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

*** นับตั้งแต่การระบาดของเชื้อโควิด-19 เป็นต้นมาถือว่า KTB เป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารที่น่าสนใจมาก อย่างหนึ่งคือ เรื่องผลการดำเนินงานที่ดีกว่าหุ้นธนาคาร เมื่อเทียบกันแบบตัวต่อตัวเนื่องจาก KTB มีแอป “เป๋าตัง” ที่เป็นเส้นทางการเงินของภาครัฐ ที่กระจายเข้ามาสู่ประชาชนเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโควิด ให้ได้เก็บค่าต๋งแบบสบายๆ ต่อมาก็ยังมีเรื่องของการขายล็อตเตอรี่ออนไลน์ ซึ่งก็ยังเป็นแอป “เป๋าตัง” ที่ยังคงเป็นพระเอกในการปั๊มเงินสดให้กับ KTB เพิ่มเข้ามาอีก

ล่าสุดประเด็นการหาเสียงเลือกตั้ง ที่พรรคการเมืองแทบทุกพรรคต่างพยายามเข็นนโยบายประชานิยมออกมาดูดคะแนนเสียงจากประชาชน ก็ยังคงจะเป็น KTB ที่มีโอกาสที่จะได้งานเก็บค่าผ่านทางมากกว่าธนาคาอื่นเหมือนเดิม ดังนั้น เจ๊เมาธ์จึงมองว่า ในจังหวะที่ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงมาแรงจนน่าสนใจแบบนี้ หุ้นธนาคารอย่าง KTB จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจมากกว่าหุ้นธนาคารตัวอื่นอยู่ไม่น้อย

*** หากจะจับเอาหุ้นโรงพยาบาลอย่าง BDMS และ BH มาเทียบกันแล้ว ก็จะเห็นว่า แม้จะมีการไขว้หุ้นกันอยู่บ้าง แต่ต่างก็มีดีไปคนและแบบ โดยในส่วนของ BDMS มีดีอยู่ที่ขนาดและความหลากหลายในช่องทางของการสร้างรายได้ โดยเฉพาะในส่วนของลูกค้าชาวต่างชาติที่กลับมาแล้วทั้งกลุ่ม CLMV และ ซาอุดิอาระเบีย ขณะที่ฐานของกลุ่มลูกค้าประกันสังคมที่ปัจจุบันมีฐานรายได้อยู่ 3% ก็มีโอกาสที่จะขยายฐานคนไข้ประกันสังคม เป็น 1 ล้านราย จากปัจจุบันที่มีกว่า 7แสนราย

ขณะที่ทางฝั่งของ BH กลับดูเหมือนอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน 1/66 ที่ถึงแม้ว่า จะดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ก็จะแย่ลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยมีเรื่องของคนไข้ชาวต่างชาติที่เริ่มชะลอตัว ขณะที่คนไข้ในประเทศที่ปรับลดลงซึ่งทำให้ทาง BDMS อาจจะได้เปรียบอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม เจ๊เมาธ์ยังมองว่าหุ้นโรงพยาบาลเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับตลาดหุ้นในตอนนี้ ส่วนใครจะชอบ...หรือเลือกแบบไหนก็ คงต้องหาข้อมูลให้มากขึ้นจะได้ไม่พลาด

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,880 วันที่ 20 - 22 เมษายน พ.ศ. 2566