ช่องปากของผู้สูงอายุ

16 ก.ค. 2565 | 06:00 น.
1.7 k

คอลัมน์ ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

เมื่อคืนก่อนผมนั่งดูรายการสารคดีรายการหนึ่งทางโทรทัศน์ เขาไปถ่ายทำชีวิตของผู้สูงอายุประเทศหนึ่ง (ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อประเทศนะครับ) เห็นเมื่อเวลาคนแก่ของเขายิ้มออกมาเห็นเขี้ยวเห็นฟันแล้วรู้สึกขยะแขยงมากๆ เพราะฟันที่เห็นทั้งดำทั้งผุ ดูแล้วไม่น่ามองเลย 


ทำให้เราใจยังต้องคิดต่อไปว่า หากเราแก่ตัวลง เราจะมีสภาพไม่น่าดูเช่นนี้หรือเปล่าน้า......แต่ถ้าเรารู้จักดูแลตัวเองให้ดี เราคงไม่ต้องเป็นคนแก่อย่างนั้นก็ได้นะครับ ขอเพียงให้รู้จักการดูแลรักษาสภาพช่องปากของเราให้ดีๆเท่านั้น ก็น่าจะเพียงพอครับ

ผมจึงไปสืบค้นหาดูบทความต่างๆ ทั้งของไทยเราและของต่างประเทศ น่าสนใจครับว่า มีบทความอยู่เยอะแยะเลยทีเดียว เกี่ยวกับการดูแลรักษาช่องปากและฟันครับ ตัวอย่างเช่นของไทยเรา โดยเฉพาะจากนิตยสารที่เกี่ยวกับทันตกรรมนั้น มีหลากหลายให้เลือกอ่านได้ครับ 


ลองหาอ่านดูกันนะครับ หรือเวลาที่เราไปหาหมอฟันเพื่อทำฟัน ก็พยายามพูดคุยสอบถามหาความรู้หน่อยก็จะดีมากนะครับ ตัวผมเองก็ชอบที่จะพูดคุยกับผู้รู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมอทุกหมอ ผมจะชอบถามโน่นถามนี่ ตามประสาคนชอบถาม จึงพอจะได้ความรู้มาบ้างครับ

โดยปกติช่องทางที่เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายเรานั้น ช่องที่ง่ายที่สุดคือ “ช่องปาก” นี่แหละครับ ช่องทางอื่นๆ จะเข้าร่างกายยากหน่อย ถ้าเราไม่อนุญาตให้เชื้อโรคเข้า แต่ช่องปากนั้น ถึงแม้เราจะไม่อนุญาตให้เชื้อโรคเข้า ก็ยากจะปฏิเสธมันได้ เพราะเราต้องทานอาหารอย่างน้อยที่สุดวันละสามครั้ง ทุกครั้งที่เราเอาอาหารเข้าปาก เราไม่รู้หรอกครับว่า ในอาหารนั้นมีเชื้อโรคติดตามเข้าไปด้วยหรือเปล่า 


เพราะแม้ว่าอาหารนั้นเป็นอาหารที่ปรุงสุกเรียบร้อยแล้วก็ตาม เพราะอาหารเหล่านั้นพอเข้าสู่ช่องปาก แล้วไม่ได้กลืนลงท้องไปทั้งหมด หรือเราอาจจะคิดว่ากลืนไปหมดแล้ว มองไม่เห็นแล้ว แต่ความเป็นจริงอาหารอาจจะตกค้างในปากเราอยู่อีก ในรูปของเศษอาหารที่ติดอยู่ตามไรฟัน หรือบ้างครั้งอาจจะติดอยู่ที่โพรงปากหรือลิ้นของเราก็เป็นไปได้เสมอ 


แม้เราจะบอกว่าได้บ้วนปากแล้วก็ตาม ดังนั้นเศษอาหารเหล่านั้นอาจจะเข้าไปหมักหมม จนก่อให้เกิดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อโรคได้ จนก่อให้เกิดอาการอย่างที่ผมเห็นคนแก่ที่มีปากและฟัน ไม่น่ามองในรายการทีวีนั่นแหละครับ
         

คนแก่ในบางประเทศที่ยังไม่พัฒนา มักจะไม่ค่อยห่วงเรื่องของสุขภาพในช่องปากเท่าที่ควร บางท่านก็ทั้งดื่มเหล้าทั้งสูบบุหรี่ จนฟันดำสกปรกไปหมด ดูแล้วน่าขยะแขยงมาก ดังนั้นเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกไรฟัน มันจะทำให้เกิดแบคทีเรีย ที่เกิดจากกรดที่สร้างขึ้นมาจากน้ำตาล ทำให้ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป มีโอกาสที่จะฟันผุได้ง่ายกว่าเด็กๆ 


นอกจากเราจะต้องมีการดูแลช่องปากของเรา ด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ที่เขาโฆษณาขายกันโครมๆๆนั่นแหละครับ ต้องหมั่นสีฟันให้ดี อีกส่วนหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุประจำ คือโรคเหงือกบาง ที่มักจะเกิดจากแบคทีเรียที่เกิดจากกรดที่ได้มาจากน้ำตาลด้วยเช่นกันครับ ซึ่งพอรากฟันและเหงือกที่มีปัญหา ก็จะส่งผลทำให้ฟันผุตามมา เป็นโปรแกรมต่อไปเลยครับHH
      

วิธีง่ายๆ ที่จะดูแลช่องปากของเรามีอยู่หลายวิธี แต่สำหรับตัวผมเอง คิดว่าสิ่งแรกคือผมเริ่มจากการที่ทุกปีจะต้องไปพบหมอฟันอย่างน้อยสองครั้ง เพื่อให้หมอฟันตรวจสุขภาพฟันและขูดหินปูน สำหรับเหงือกหรือช่องไรฟันทุกซี่ ผมจะไม่ต่อรองกับหมอว่าจะรักษาอย่างไรหรือไม่ ขอเพียงอย่าถอนฟันสุดที่รักของผมทิ้งเป็นพอครับ 


แม้จะมีสภาพฟันผุ(ซึ่งคุณหมอมักจะชมว่าฟันผมมีสภาพดูดี) ผมก็จะขอให้รักษาอย่างเต็มที่เลยครับ ข้อที่ (2) คือผมจะพยายามไม่ทานอาหารให้เลอะเทอะ เพราะนั่นจะเป็นแหล่งหมักหมมของเชื้อโรคโดยไม่จำเป็น และจะทำให้เป็นบ่อเกิดของแบคทีเรียที่ดีที่สุด  


ข้อที่ (3) ผมจะดื่มชาทุกวัน หลังอาหารแทบทุกครั้ง หรือแม้แต่ขนมหวานที่ผมชอบทานหลังอาหาร ผมจะมีน้ำชาจีนร้อนๆไว้ดื่มตบท้ายเสมอ เพราะผมเป็นคนที่ชอบดื่มชาเป็นชีวิตจิตใจ การดื่มชาร้อนๆนอกจากจะทำให้สดชื่นแล้ว ชายังมีคุณสมบัติในการชะล้างสิ่งสกปรกในช่องปากได้เป็นอย่างดี หรือถ้าไม่มีน้ำชาก็เอาน้ำเปล่าก็ยังดีครับ
      


ข้อที่ (4) ทุกครั้งที่แปรงฟัน ผมจะพยายามแปรงลิ้นด้วยแปรงสีฟันแบบนุ่มๆ เสมอ เพราะลิ้นเป็นแหล่งหมักหมมของเชื้อแบคทีเรียอย่างดี ซึ่งเซลล์ที่ตายแล้วที่เกาะอยู่บนลิ้นของเรา มักจะส่งต่อเชื้อโรคไปที่เพดานเหงือกและฟันเสมอ นี่อาจจะเป็นความเชื่อส่วนตัวของผมนะครับ ไม่ได้มีเอกสารอ้างอิง ก็อย่าเชื่อผมมากก็ได้ครับ 


ข้อที่ (5) สุดท้ายคือยาสีฟันที่ผมใช้ เมื่อก่อนผมจะใช้ยาสีฟันสมุนไพรตรา.....เสมอ แต่ตอนหลังผมฟังจากปากของหมอ ผมจึงเปลี่ยนมาใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ เพราะหมอบอกว่าคุณสมบัติของฟลูออไรด์ จะช่วยเคลือบฟันและรักษาฟันผุ ผมจึงทำตามครับ
         

หากทำครบทั้ง 5 ข้อนี้สม่ำเสมอ ผมเชื่อว่าช่องปากของผม แม้จะแก่เฒ่าขนาดไหน ก็คงไม่น่ารังเกียจหรือน่าขยะแขยงแน่นอนครับ อย่างน้อยเวลาไปไหนมาไหน มีคนเขาเลี้ยงอาหารเรา เรายังสามารถหิ้วอาหารที่เหลือกลับบ้านได้ เพราะเรามีฟันที่แข็งแรงไงครับ แหม....ก็ทั้งกินทั้งคาบไม่แข็งแรงได้ไงครับ.....ฮา