ศิลปวัตถุจากยาควัน

18 มิ.ย. 2565 | 10:35 น.
อัปเดตล่าสุด :18 มิ.ย. 2565 | 17:40 น.

คอลัมน์ Cat out of the box โดย พีรภัทร์ เกียรติภิญโญ

ปีนี้บุหรี่แพง_แพงระยับระยิบราวกะไหล่เคลือบเอาไว้ด้วยทองคำแท้ แต่ที่จริง_เปล่า
 

เกษตกรชาวไร่ยาสูบตั้งแต่กลุ่มพิริยะเทพวงศ์ เมืองแพร่ ล่องลงมาจนสุโขทัย_เพชรบูรณ์ หวังใจว่าจะราคาวัตถุดิบใบยาสูงดีแต่_เปล่า ยังกินข้าวเคล้าเค็มจากรสน้ำตา!

 

โรงบ่มโรงอัดใบยาเมืองเหนือล้านนาแปรสภาพเปนโรงแรมถ้าโชคดี อย่างที่เก๊าไม้ล้านนาอดีตโรงบ่มยาบนถนนสายเชียงใหม่-ฮอดแต่งเติมความสดใสด้วยไม้ใบเลื้อย ทำสีตีกระจกได้จังหวะลงตัว เรียกราคาค่าแรมคืนในบรรยากาศสวยสุขุมเช่นนั้น ได้หลายเรือนพัน ในขณะที่อีกฟากของเมืองอย่างที่แม่ทา ในเมืองแม่ออน โรงบ่มอเมริกันแปรสภาพเปนโฮง (โรง) ร้าง
 

เรื่องของโชคจะดีหรือร้ายนั้น ท่านว่าเกี่ยวแก่วิชั่น_วิสัยทัศน์ความสามารถที่จะมองไปในอนาคตอย่างหนึ่ง โชคยังเกี่ยวกับเงินทุนหนุนเสกวิชั่นให้เปนไปตามที่มองไว้นั้นอีกอย่างหนึ่ง หาใช่จะมาสู่ตัวอย่างรำพึงรำพันภาวนาเสกคาถาเปนได้ไม่

เงินทุนไม่มี? ก็อย่างน้อยต้องลงมือ _เปล่า_มิใช่ลงมือภาวนาต้องลงมือไปขุดหาทุนจากแหล่งทุนมาเติมฝันเอาเองสิตะหาก 55
 

ในอดีตกาลผ่านมาปรากฏการณ์ข้าวของแพงพรึ่บพรั่บขึ้นมาไม่ใช่ว่าไม่เกิด ยุคสงครามโลก สงครามเชื้อเพลิง ข้าวยากหมากแพง คนในวงค้ายาสูบจะหวังใจว่าอย่างไรผู้บริโภคเขาติดยาต้องหาบุหรี่สูบเสียวันยันค่ำคงต้องเลิกหวัง
 

ทำไม? มนุษย_ยา จำจะต้องขวนขวายหาทางเลือกอันประหยัดกว่ายามวนสำเร็จรูปอยู่ดีตามวิสัยผู้บริโภคซึ่งมีเหตุผล(rational)


 

สมัยก่อนยุค 2500 คุณแม่บ้านที่มีบริวารมากจะไปหาเอาดอกบัวหลวงเลือกที่ดอกใหญ่ๆให้กลีบกว้างคัดเอากลีบงามๆทีเดียวมาตากแดดแห้งดีแล้ว ก็รีดทับเสียให้สนิทเรียบด้วยเตารีดถ่านไฟอ่อนมากๆ
 

ข้างใบยานั้นจะคาเวนดิชหรือไม่_ไม่ได้ใส่ใจ ท่านจะปรุงปรนเสียใหม่อยู่ดี
 

เอายาตั้ง_คือยาฉุนนั่นแหละ ชั่วแต่ว่าพอแพ็คเกจจิ้งแล้วจับตัวหนาเปนตั้งๆ จะตราอะไรก็แล้วแต่เอาที่ราคามันถูกกระเป๋าหน่อย จับมาย่อยแล้วต้มน้ำ ต้มทิ้งเสียสองน้ำ
 

‘ยาฉุน’ รสฉุนแรงจัดที่คนรังเกียจนั่น ก็จะกลายเปน ‘ยาจืด’รสละเมียดสูงค่า ใช่ นาทีนี้ปรัชญาสัมพันธ์ของการขัดล้าง อะไรพอกพูนพะรุงพะรังให้ชีวิตหนาเตอะเทอะทะล้างชะเอาออกเสียบ้าง มูลค่าราคาตัวจักสูงขึ้นก็ได้


 

คุณแม่บ้านผู้เจนจัดวิชาการเรือน (household economy) ได้ยาจืดมาแล้วก็แต่งรสเสียหน่อยด้วยน้ำตาลทรายแดง_โอวทึ้ง (จีนว่าน้ำตาลทรายดำ 55 โอว_ดำ สองคนยลตามช่องเห็นสีน้ำตาลไม่เหมือนกัน)
 

สายตาวัฒนธรรม ไทยถือสีดำอัปมงคล / จีนว่า ดำก็มีดี ตูหนา โอวฮื้อ ปลาไหลหูดำ ปลากระบอกหูดำ _เจี้ยะโป้ว กินบำรุงราคาดี
จะตาย ! ได้ยาจืดเคลือบรสอมหวานแล้วก็สงขึ้นตากแห้งพักไว้ 
 

ไปได้ดอกกาสะลองคำมา ทำตากแห้ง ดอกปีบคำ_ปีบทองนั่นแลหอมรื่นหอมรวย ไปได้พิมเสนเกล็ดมาผสม ให้รสเย็นวาบ บางคราวใส่ฝักมะขาม เอารสเย็นเปรี้ยว เอามามวนเข้าก็ได้บุหรี่ตัวน้อยอยู่ในเปลือกสีกลีบบัวโรย_Old Rose 
 

มวนแล้วจะวางไว้กะเร่อกะร่าหรือไร? หามิได้
    

บ้านผู้ดีสมัยนั้นมักมีถาดบุหรี่อยู่ชุดหนึ่ง เปนประดิษฐกรรมจากเงิน_สินแร่เงิน ตีขึ้นเปนช่อดอกไม้เงินสามสี่ดอก เปนกระพุ่มลักษณะเดียวกันกับรูปงานเงินปีนัง บ้านยิปชออี๋ ที่แนบให้ดูนี้ ชั่วแต่ว่าเล็กกว่า เล็กพอให้ก้นของบุหรี่กลีบบัวเสียบไม่หล่น พอเสียบเข้าครบก็เปนช่อดอกไม้ยา ในถาดนี้จะมีที่หนีบกลักไม้ขีด แบบหนีบแล้วเปิดข้างตั้งฉากไว้ ให้ขีดไฟได้สะดวกๆ แล้วมีกระอับเงินเล็กๆใส่พิมเสนเผื่อคนไม่สูบยา คว้าควักเอาไว้สูดแก้เซ็ง
 

บุหรี่สดชุดนี้ของมันหรูหราน่าไว้รับรองแขกดีนัก ส่วนในยุโรปประเทศ คงคิดแล้วว่าทำบุหรี่มวนกลีบบัว เวลาจะพรีเซนต์นำเสนอ มันก็น่าอยู่หรอกจะเอากลับไปใส่ในดอกบัวทองลงยา เปิดมาแล้วเห็นช่อกระพุ่มเปนเกสร หนักไปกว่านั้นทำตู้ไขลานใส่หีบเพลงม้าหมุนเสียเลย แต่แทนตัวม้า ใช้เปนซองหน้าต่างเสียบยามวนแทน
 

ส่วนสำหรับวัน_เวลาปกติทั่วไป ท่านคุณแม่ศรีเรือนไทยใช้กระดาษมวน มวนยาจืดปรุงนี้ใส่“ซองบุหรี่” สำหรับสามีพกบุหรี่แห้งไปสูบที่ทำงานถ้าหากวัน_เวลามันสั้น คนสูบกลับมาบ้าน ก็เปนหน้าที่ของ “หีบบุหรี่” รับบรรจุวางไว้ที่ตั่ง ถ้านับว่าหีบอย่างดีก็ต้องลงถม_ถมนครศรีธรรมราช งามวิเศษ


 

เตารีดนี้มีไว้ทำอะไรอีก ?
 

ทศวรรษ 1950s หนังสือพิมพ์หัวสีชมพูเปิดกางอ่านแล้วมือดำ! ปุยหมึกร่อนติดมือไม้ ท่านให้รีดเสียด้วยเตาร้อน หมีกจะซึมกลับเข้ากระดาษอ่านไม่เปื้อน ในที่นี้คงไม่พูดถึงว่าสามีของท่านมีปอดที่รับทาร์น้ำมันดินเข้าไปสะสมเสียกี่มากน้อยและท่านต้องรับอาการหงุดหงิดจากถุงลมโป่งพองอย่างไรเมื่อบั้นปลายของชีวิต 
 

ศิลปวัตถุอันเนื่องมาจากบุหรี่ยังมีอีกมาก ไม่ว่าจะเปนกลักบุหรี่ / หีบบุหรี่ เครื่องมือเครื่องไม้
 

ชั่วแต่ว่ายังมีของคล้ายกันอีกอย่างที่ว่าเสพแล้วมักจะติด ก็คือหมาก ดังได้กล่าวถึงตอนต้นว่าบ้านยิปชออี๋เมืองปีนัง คำว่าปีนังก็แปลว่าต้นหมาก ส่วนคำว่าพระศรี คนคาดกันว่ามาจากคำว่า Sireh (ซีเระฮฺ) แปลว่า พลู และในเมื่อหมากกับพลูเปนของกินคู่กัน ก็อาจจะสรุปความออกเปนคำว่าพระศรี
 

หีบพระศรี ที่มีไว้บรรจุหมากเคี้ยว ก็เปนของโบราณวัตถุสวยงามล้ำค่ามากโขเช่นกัน
 

พระราชทานให้ท่านผู้ใดฝ่ายสตรีแล้วมีเกียรติยศสูงยิ่ง ดังจะเล่าสู่ท่านฟังในตอนต่อๆไป


นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 หน้า 18 ปี ฉบับที่ 3,793 วันที่ 19 - 22 มิถุนายน พ.ศ. 2565