“รัฐบาลลุงตู่” เดินฝ่าดงระเบิด

*** หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3787 ระหว่างวันที่ 29 พ.ค.-1 มิ.ย.2565 โดย.. กาแฟขม 

*** ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คว้าตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ด้วยคะแนนสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ วิเคราะห์กันไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าเป็นการโหวตสั่งสอนรัฐบาลที่อยู่ในอำนาจมาอย่างยาวนาน ใช้อำนาจทางการบริหารที่ไม่สามารถจับต้องผลงานได้ บ้างก็ว่าเป็นการแสดงออกของคนกรุง ที่ต้องการต่อต้านรัฐ บ้างก็ว่าต้องการคนที่เป็นกลางๆ ไม่ยึดโยงขั้วข้าง คนเบื่อเต็มทีกับการเมืองแยกขั้ว ภาพของชัชชาติต้องการประสานทุกฝ่าย ไม่ยึดโยงการเมืองจ๋า ประกอบกับออกตัวก่อนใครมาตั้ง 2 ปีกว่า เดินทุกตรอก ซอก ซอย รู้ปัญหา วางแนวทางนโยบายแก้ปัญหาตรงใจ ตรงจุด มีภาพความเป็นนักบริหาร ตอกย้ำความมั่นใจนำพามหานครใหญ่แห่งนี้ให้ก้าวไปข้างหน้าได้ ที่แน่ๆ ปัญหาสะสม ปัญหาหมักหมมของเมืองนี้ค่อนข้างใหญ่และเยอะมาก ต้องใช้พลังและความร่วมมือจากทุกฝ่าย คนกทม.ไม่อาจปล่อยชัชชาติเดินเดียวดาย เลือกมาแล้วท่วมท้นต้องผลักดัน ขับดัน สนับสนุนต่อให้เดินหน้าแก้ปัญหาให้สำเร็จ อันไหนที่ทำมิชอบก็ต้องตำหนิติติง 

*** ประเด็นที่น่าสนใจและไม่อาจมองข้าม ที่อาจกลายเป็นพลิกวิกฤติเป็นโอกาสก็เป็นไปได้ เมื่อองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ออกมาเตือนว่า โลกกำลังเผชิญวิกฤติความมั่นคงด้านอาหารและราคาอาหารแพงขึ้นสูงสุดทั่วโลกรอบกว่า 10 ปี จากปัจจัยหลักๆ สงครามยูเครน-รัสเซีย ปุ๋ยราคาแพงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ผลที่สะท้อนชัดๆ หลายประเทศเริ่มใช้มาตรการห้ามส่งออกสินค้าอาหารสำคัญ ข้าว ข้าวสาลี น้ำมันปาล์ม ตลอดจนธัญญพืชสำคัญ ประเทศไทยเองเจอภาวะเงินเฟ้อสูงจากราคาอาหาร น้ำมันสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ถ้ายังจำกันได้ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนราคาหมูพุ่งสูงและขาดแคลน ไก่ ปลา ผัก ก็ขยับราคาสูง หลังต้นทุนอื่นสูง ก๊าซหุงต้มแอลพีจี น้ำมัน ค่าไฟฟ้าเป็นปัญหาที่ต้องขบคิด ด้านหนึ่งในฐานะประเทศผู้ผลิตอาหารชั้นนำของโลก จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ , เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ 2 รัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งในฐานะดูแลผู้ผลิตและดูแลการตลาด ต้องคิดจะแปรวิกฤติเป็นโอกาสได้อย่างไร

*** ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก ตามสำนวนไทยๆ เมื่อโรคระบาดโควิด-19 ยังแค่เริ่มคลายๆ กลายเป็นโรคประจำถิ่น และปรับเปลี่ยนสายพันธุ์ไปเรื่อย แต่การสู้กับโรคนี้ มนุษย์มีความเข้มแข็งขึ้นในการต่อสู้กับโรค กลับปรากฏโรคอุบัติใหม่ ฝีดาษลิง แพร่กระจายกันขึ้นมาอีก รายงานพบการแพร่ระบาดของฝีดาษลิงเพิ่มขึ้นอีก 3 ประเทศ ในสาธารณรัฐเช็ก สโลวีเนีย และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) รวมการแพร่ระบาดของโรคกระจายไป 18 ประเทศทั่วโลกแล้วในแถบยุโรป อเมริกาเหนือ ยูเออี โดยในสหราชอาณาจักรยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นรวดเร็วในระยะเวลาไม่กี่วัน องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ออกมาเตือนด้วยความกังวล โลกกำลังเผชิญกับความท้าทาย ที่น่ากลัวทั้งโควิด-19 สงครามรัสเซีย-ยูเครน และ โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) สถานการณ์และการป้องกันในไทย ใจฟื้นมาหน่อยตรงที่ น.พ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เตรียมความพร้อมทั้งการตรวจวินิจฉัยโรค ตรวจวิเคราะห์คุณภาพวัคซีนฝีดาษหรือไข้ทรพิษ (smallpox) ซึ่งวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษ หรือ ฝีดาษคน สามารถป้องกันโรคฝีดาษลิง ได้ถึง 85% แต่มากกว่า 40 ปีแล้วที่ไม่มีการฉีดวัคซีนชนิดนี้

*** ปฏิเสธเด็ดขาดและแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เมื่อมิจฉาชีพ อ้างชื่อ ชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แม่ทัพใหญ่กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ โดยพฤติกรรมกลุ่มมิจฉาชีพกระทำการแอบอ้างใช้ชื่อ โลโก้ ภาพ ของศูนย์การค้าและบริษัทในเครือสยามพิวรรธน์ รูปภาพของผู้บริหาร เพื่อหลอกลวงประชาชนให้ร่วมลงทุน หรือเข้าทำงานเพื่อรับผลตอบแทนสูงชนิดที่เรียกว่าเป็นไปไม่ได้ ซึ่งต้องยืนยันว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น กับโฆษณาและการกระทำดังกล่าว ที่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา ทางบริษัทจะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างถึงที่สุด

*** เปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร 120 วัน จากนี้ไประทึกยิ่งนัก เมื่อรัฐบาลลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เจอปัญหาซ้ำซ้อน โควิดกระทบชิ่งไปเศรษฐกิจปากท้องเรื่องหนัก เรื่องใหญ่ การเมือง เข้าสู่ช่วงท้ายเต็มที ฝ่ายค้านเองก็กะจะน็อคในรอบนี้ ทั้งอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ฮึ่มๆฮั่มๆ รวมทั้งกฎหมายสำคัญต่างๆ มือ ส.ส.ที่ค้ำยันรัฐบาลลุงตู่ ยังอยู่ครบหรือไม่ ตอนนี้เห็นเค้าลางชัดเจนมากขึ้น ความเป็นเอกภาพในหมู่รัฐบาลที่จะยกมือให้ผ่าน ตอนนี้พวกรอสวนมีอยู่แทบทุกพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว แต่เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าผ่านได้ อยู่ได้ แต่จะมีประโยชน์อะไร ถ้าการอยู่ต่อไปได้ แต่ต้องใช้ผลประโยชน์ของชาติหรือผลประโยชน์บุคคลไปแลก

*** การเมืองไฟลุก ระเบิดที่ต้องฝ่าทั้งอภิปรายไม่ไว้วางใจ กฎหมายงบประมาณ วาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกรัฐมนตรี ใกล้ๆ เป็นพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าการด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ต้องพิจารณาร่วม 2 สภาฯที่กรรมาธิการเตะลูกออกไปที่ประธานรัฐสภา ปัญหาอยู่ที่ฐานการคิดคำนวณส.ส. ที่กมธ.ชงหาร 100 ในการคิดคำนวณคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ไปแล้ว ขณะรัฐบาลบางพรรค พรรคกลาง พรรคเล็ก ต้องการให้คำนวณโดยการหาร 500 ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องตั้งแต่ต้นมือ ก็จะเป็นเงื่อนไขให้มีการถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลของบางพรรคก็เป็นไปได้ แล้วลุงตู่จะเดินฝ่าดงระเบิดอย่างไร