Asset Five Group... หุ้น A5 กับดักหุ้นโหด

11 มี.ค. 2565 | 07:00 น.
2.0 k

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ By…เจ๊เมาธ์

*** มองเผิน ๆ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ดูเหมือนใกล้จะจบ แต่รูปเกมไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด...อย่างแรกคือ หากสงครามจบ ด้วยการที่ยูเครนยอมรับตามที่รัสเซียเรียกร้อง แล้วสหรัฐและนาโต้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน นี่ยังไม่นับรวมระเบียบโลกใหม่ (New World Order) ที่จะเกิดขึ้น ทั้งสหรัฐและนาโต้ ไม่น่าจะยอมได้อยู่แล้ว 
 

อย่างที่สอง...หากจบโดยรัสเซีย ยอมถอยกลับที่ตั้ง ขณะที่ยูเครนก็กลับไปฟื้นฟูประเทศเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ๊เมาธ์ก็บอกได้เลยว่า กรณีนี้ก็เป็นไปได้ยาก เนื่องจาก ปธน.ปูติน จะต้องมีคำตอบให้กับประชาชนชาวรัสเซียว่า ลงทุนขนาดนี้ มีทหารตายขนาดนี้แล้ว รัสเซียได้อะไรตอบแทน และสุดท้ายถ้าหากสหรัฐและนาโต้ เดินหน้าขยายผลจับมือกันรุมกินโต๊ะ ทางรัสเซียก็อาจจะเลือดขึ้นหน้า จนถึงขั้นงัดเอาอาวุธนิวเคลียร์ออกมาใช้ ถึงตอนนั้นก็คงไม่จำเป็นต้องมาคิดอะไรต่อแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น
 

ในฐานะนักลงทุน ก็คงต้องติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดกันต่อไป...ถ้าไม่มีอะไรมาก ก็นั่งทับมือกอดเงินสดเอาไว้น่าจะดีที่สุด อย่าลืมว่า บางครั้ง “การไม่ลงทุนก็คือการลงทุน” เหมือนกันค่ะ

 

 *** ถ้าจะบอกว่าหุ้น A5 ตัวนี้ “โหดข้ามภพข้ามชาติ” ก็ไม่น่าจะเกินความจริง เนื่องจากก่อนเปลี่ยนมาใช้ชื่อ A5 แล้วกระซวกนักเก็งกำไรจนใส้แตก ด้วยการทุบจากราคาเปิดตัว 9 บาท ลงมาเหลือ 2 บาทกว่า ๆ 
 

หุ้นตัวนี้เคยชื่อ อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น (ADAM) ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็น ADAM เคยใช้ชื่อ อาร์เค มีเดีย โฮลดิ้ง (RK) มาก่อนเช่นกัน 
 

เดือนเมษายนปี 2562 สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษอดีตกรรมการบริษัท พร้อมพวกรวม 8 ราย ในกรณีของการเข้าไปซื้อหุ้นทั้งหมดของ บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ ซึ่งมีคดีโยงใยกับมหากาพย์ทุจริตจำนำข้าว ที่อยู่ระหว่างถูก ป.ป.ช.ไต่สวนดำเนินคดี และอายัดทรัพย์สิน
 

รอยแผลเป็นนี้ติดตัวไปตลอด กับอดีตและพฤติกรรมหุ้นที่เป็นเอกลักษณ์แบบน่าขมขืน แม้ว่าปัจจุบันกรรมการที่ว่าทั้ง 8 รายจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ A5 แล้วก็ตาม
 

ปัจจุบัน A5 ดำเนินธุรกอสังหาริมทรัพย์เต็มตัว โดยมีกลุ่ม “ปัญจทรัพย์” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่มากกว่า 50% โดยมีผลการดำเนินงานที่ถือได้ว่าสวยพอสมควร แต่ “เจ้าของใหม่” ยังไม่วายเอามือและตัว ลงไปเกลือกกลั้วกับ เศษผงธุรี ที่หาประโยชน์กับวงการตลาดทุนไม่ได้ นอกจากต้มตุ๋นหลอกลวง นักลงทุน เข้ามาติดกับดักที่วางไว้ ติดหุ้นราคาสูง 9 บาทในวันแรก ถึงวันนี้เหลือ 2 บาท  
 

ผลงานที่ผ่านมา ก็ไม่แน่ว่าจะการันตีอนาคตได้เสมอไป คงต้องติดตามกันต่อไปนะคะ ไม่แน่ว่า เริ่มต้นจากราคาแค่ 1-2 บาท อาจจะดีขึ้นมาจริงๆ ก็ได้เจ้าค่ะ  
 

*** กลุ่มนักลงทุนที่เข้าไปเก็งกำไร PTTEP กับหุ้นกลุ่มโรงกลั่นที่มีทาง PTTGC TOP IRPC และโรงกลั่นตัวอื่นๆ ดูแล้วน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกันอยู่พอสมควร เพราะเมื่อราคาหุ้นของ PTTEP เริ่มพักฐาน กลุ่มโรงกลั่นถึงได้มีโอกาสขยับราคาตามขึ้นมา ทั้งที่หุ้นทั้งสองกลุ่มคือ หุ้นที่จะได้รับอานิสงส์ทางตรงจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับสูงมากขึ้นพร้อมกัน แต่แม้ว่าจะสลับตัวหรือสลับกลุ่มเล่นกันอยู่บ้างก็ไม่มีปัญหา เพราะถึงอย่างไรเจ๊เมาธ์ก็มองว่ากลุ่มหุ้นที่เกี่ยวกับพลังงานทั้งหลายยังไปต่อได้อีกพอสมควรเลยทีเดียว เอาเป็นว่าทั้ง PTTEP PTTGC TOP IRPC หรือตัวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานยังน่าสนใจค่ะ

*** ถ้าไม่ถูกกดราคาลงมาจนต่ำกว่าความเป็นจริง หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์อย่าง DELTA KCE และ HANA น่าจะยังไม่สามารถขยับตัวได้ เพราะว่าสงครามจะทำให้ระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์กลับมามีปัญหาอีกครั้งเนื่องจากทั้งรัสเซียและยูเครน ต่างก็เป็นผู้ส่งออกวัตถุดิบสำหรับการผลิตชิป (Semiconductor) รายใหญ่ทั้งสองประเทศนั่นเอง อย่างไรก็ตามการที่ราคาปรับลงมาต่ำมากก็ทำให้มีช่องว่างให้เล่นราคาตามจังหวะได้บ้างพอสมควร แต่ถ้าหากจะมองไปถึงราคาไฮเดิม เจ๊เมาธ์ก็คิดว่าอาจจะต้องมองกันในระยะยาวถึงยาวมากเลยเชียวค่ะ
 

*** EA ถือได้ว่าเป็นบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากสงครามค่อนข้างจะน้อย อย่างแรกคือ โรงไฟฟ้าที่เป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัท ล้วนแล้วแต่ใช้พลังงานหมุนเวียน ที่ไม่มีต้นทุนในการผลิต เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม ทำให้ไม่ราคาน้ำมัน และราคาก๊าซ ไม่มีผลกระทบ 
 

อย่างที่สองคือที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ไม่ว่าจะเป็นโรงงานแบตเตอรี่ โรงงานประกอบรถบัสไฟฟ้า และ เรือไฟฟ้า ต่างก็เป็นธุรกิจที่จะได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากต้นทุนพลังที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง จังหวะนี้ถือว่าราคาหุ้นของ EA กำลังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ อาจจะใช่เวลาอยู่บ้าง...แต่ก็น่าจะไปได้อีกนะคะ ดูดีค่ะ
 

*** อย่างที่บอกไปแล้วว่า KEX คงต้องใช้เวลาอีกนาน กว่าจะกลับไปที่ราคาเดิมที่เคยเป็นได้อีกครั้ง ยิ่งภาวะสงครามทำให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าปรับสูงขึ้น ก็ยิ่งทำให้กำไรที่มีน้อยอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับรายได้ดูจะน้อยลงไปอีกมาก รวมไปถึงนโยบายการทุ่มตลาดแบบไม่สนต้นทุนตามมุมมองของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่อยู่ต่างประเทศก็ทำให้ KEX น่าจะเหนื่อยไปอีกนาน 
 

เจ๊เมาธ์ก็ยังคงจะพูดเหมือนเดิมว่าอาจจะต้องรอต่อไปจนกว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจนะคะ ถ้าใครรอได้ก็รอต่อไปเจ้าค่ะ

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศราฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,765 วันที่ 13 - 16 มีนาคม พ.ศ. 2565