ขังรวม... หุ้นขุดบิตคอยน์..

23 ก.พ. 2565 | 06:15 น.
4.2 k

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ By…เจ๊เมาธ์

หลังจากถูกจับติดแคชฯ สิ้นสุดภารกิจ ส่งนักลงทุนขึ้นดอย จับขังรวม ของหุ้นเหมืองขุดบิตคอยน์ทั้ง  ZIGA UPA ECF และ AJA ไปเรียบร้อยเช่นกัน ...เจ๊ไม่เถียงอยู่แล้วว่า การทำธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์เป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ แต่...แต่เจ๊จะบอกว่า การสร้างรายได้กับการคุ้มค่ากับการลงทุนมันเป็นคนละเรื่องกันนะคะ 
 

ยกเอากรณีของ JTS เป็นตัวอย่าง เพราะนอกจากการลงทุนที่บอกว่าในปี 2564 สามารถขุดบิตคอยน์ 9.5 เหรียญบิตคอนย์ คิดเป็นเงิน 16 ล้านบาท ซึ่งถ้าหากนับเอาจากเงินลงทุนเริ่มต้นเป็นพันล้านที่ถือว่าผลตอบแทนที่ได้มันน้อยมาก แล้วก็ยังจะต้องคิดค่าเสื่อมของเครื่องขุด คิดถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการนำบิตคอยน์มาแลกเป็นเงินจริงด้วยว่ามูลค่ามันจะหายไปเท่าไหร่ 

อย่าลืมว่านอกจากเหรียญบิตคอยน์ที่จะขุดได้ยากมากขึ้นตามเวลาที่เปลี่ยนไป...กรณีของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกทั้งการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและสงครามรัสเซีย-ยูเครน ต่างก็จะเป็นตัวแปรที่ทำให้มูลค่าของบิตคอยน์ตกต่ำลงขณะที่ต้นทุนในการลงทุนมีมูลค่าเท่าเดิม 
 

ดังนั้นเจ๊จึงไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเหมืองขุดที่ว่านี้เป็นการขุดบิตคอยน์ หรือขุดเงินออกจากกระเป๋านักลงทุนกันแน่นะคะ เห็นว่ามีนักลงทุนเจ็บตัวกันไปเยอะนี่นา อิอิอิ

*** PTTEP เนื้อหอมทันทีเมื่อมีกลิ่นสงครามโชยมา ลองจินตนาการดูว่า ถ้าหากอเมริกาและยุโรปรวมหัวกันแบน จะทำให้รัสเซียไม่สามารถส่งน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาดโลกได้ ก็จะทำให้ตลาดโลกเกิดภาวะขาดแคลนและทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมาทันที อย่าลืมว่า รัสเซียสามารถผลิตน้ำมันดิบได้คิดเป็นอัตราส่วน 12% ของกำลังการผลิตน้ำมันดิบทั้งโลก จะเป็นรองก็แค่เบอร์ 1 อย่างสหรัฐที่ผลิตน้ำมันดิบได้ 16% และเบอร์ 2 อย่างซาอุดิอาระเบียที่ผลิตน้ำมันดิบได้ 13% เท่านั้น 
 

ถ้าเกิดการแบนรัสเซียขึ้นมาจริง ก็จะทำให้ซับพลายน้ำมันดิบของโลกหายไปราวๆ 10% และถ้าหากทุกอย่างเดินไปตามทิศทางที่เจ๊ว่า ก็จะทำให้ PTTEP ได้อานิสงส์ไปเต็มๆ จากน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่ปรับสูงขึ้น
 

เอาเป็นว่าแค่งวดปี 2564 น่าจะยังไม่สามารถสะท้อนได้ว่าผลการดำเนินงานของ PTTEP ได้เต็มที่ แต่ถ้าหากเก็บเอาไว้ตั้งแต่ตอนนี้ เจ๊เมาธ์รับรองว่า กำไรของ PTTEP ในไตรมาสที่ 1/65 ดูดีและคุ้มค่า และถึงวันนั้นราคาหุ้นของ PTTEP ก็จะไม่ใช่ราคาที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่นอนเจ้าค่ะ
  

*** จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่พุ่งขึ้นเป็นเกือบๆ สองหมื่นรายต่อวัน จนมีข่าวลือว่าอาจมีการ “ล็อกดาวน์” อีกรอบ ทำให้หุ้นกลุ่มเปิดเมืองอย่าง AOT ออกอาการขาอ่อนทันที แต่ถ้าหากมองในมุมของเจ๊เมาธ์ เจ๊มองว่าราคาอยู่แถวๆ นี้...หรือจะถอยหลังลงไปบ้างก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะที่ราคาหุ้นของ AOT มาได้ถึงขนาดนี้ มันเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นและการซื้ออนาคตล้วนๆ และแม้ว่าราคาหุ้นของ AOT ในระดับนี้อาจไกลเกินพื้นฐานที่เป็นอยู่บ้าง รวมถึงถ้าอยากจะเห็นกำไร ก็อาจจะต้องไปถึงปลายปี หรือ ลากยาวไปถึงต้นปีหน้าเลยทีเดียว 
 

แต่อย่าได้ลืมว่าจนถึงตอนนี้สินทรัพย์ที่ AOT มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นอาคารสถานที่ รวมถึงบุคลากร ก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย และดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำไป ดังนั้น ความเชื่อมั่นที่ว่านี้ก็เลยทำให้ราคาหุ้นของ AOT ยังยืนราคาแบบนี้ได้ สำหรับเจ๊เมาธ์การถือหุ้น AOT ไปยาวๆ มันต้องดีกว่าถือหุ้นปั่นแน่นอนค่ะ
 

*** เห็นบทวิเคราะห์จากหลายสำนักที่บอกมาเหมือนกันราวกับว่า ถูกจับมือให้เขียนว่าการควบรวมระหว่าง TRUE กับ DTAC มีแต่ผลดี...บอกว่าผู้บริโภคมีแต่ได้กับได้ และมีบางสำนักวิเคราะห์ถึงกับบอกว่า ค่าบริการมือถือของไทย ถือว่าถูกที่สุดในอาเซียนด้วยเลยทีเดียว แหม...เจ๊อยากจะถามจริงๆ ว่าการที่ผู้เล่นในตลาดเหลือแค่ 2 ราย มันจะดียังไงกับผู้บริโภค...
 

มีใครสามารถยืนยันได้ว่า จะไม่มีการฮั้วกันเพื่อเอาเปรียบผู้บริโภคในอนาคต และถ้าค่าบริการในประเทศไทยมันถูกที่สุดในอาเซียนแล้วมันมีความจำเป็นที่จะต้องแพงขึ้นด้วยงั้นหรือ รวมถึงที่บอกว่าผู้บริโภคมีแต่ได้กับได้...มีอะไรมาการันตีว่าได้จริงหรือเปล่า ขณะเดียวกันเรื่องการควบรวมของทั้ง TRUE และ DTAC มันก็ยังมีขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการอีกมากและไม่ได้จะเสร็จภายในเดือนหรือสองเดือนนี้ 
 

ดังนั้น การที่หลายสำนักรวมหัวกันดันบทวิเคราะห์ออกมา จึงดูเหมือนเป็นการจงใจดันราคาหุ้นนะคะ อยากรู้จังว่า มีใบสั่ง หรือ ได้อะไรติดไม้ติดมือมาหรือเปล่าน๊า...ได้ข่าวว่าเค้าดูแลดีมากนี่ค่ะ
 

*** นับตั้งแต่ปลายปี 2564 เป็นต้นมา ราคาถ่านหิน Newcastle Coal Futures ทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 2-3 เดือน ทะลุแนวต้านสำคัญที่ 200 ดอลลาร์ต่อตัน ส่งผลให้หุ้นถ่านหินดีดตัวขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง AGE หุ้นถ่านหินทำนิวไฮทั้งในแง่ผลประกอบการ กำไร และการประกาศจ่ายเงินปันผล
 

ปี 2563 กำไรแค่ 247 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.2562 พอถึงปี2564 กำไรทะลุ 638 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.6599 บาท “อาเฮียพนม” จึงประกาศลั่นทุ่งจ่ายปันผล 0.207 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD 14 มีนาคม 2565 จ่ายปันผล 17 พฤษภาคม 2565 แมงหวี่แมงวันส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาว่า ไตรมาสแรกของปีนี้รายได้ กำไรก็ถล่มทลายเป็น All Time High อีกแล้วครับท่าน!


หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,760 วันที่ 24 - 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565