กฎธรรมชาติ “เทียนหลุน”

20 พ.ย. 2564 | 07:30 น.
1.6 k

คอลัมน์ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

มีแฟนคลับหลายท่าน ที่ได้อ่านบทความคอลัมม์นี้ไปแล้ว บางท่านก็ส่งไลน์เข้ามา หรือบางท่านก็ถึงกับโทรมาหาผม บอกผมว่า ในอนาคตข้างหน้าอยากจะขอมาอยู่ด้วยกัน ที่บ้านพัก “คัยโกเฮ้าส์” ที่ผมทำอยู่ เพราะเชื่อว่าคงจะเป็นที่ที่สร้างความสุขในบั้นปลายชีวิตได้  


ด้วยความเคารพ ผมยินดีต้อนรับด้วยความเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง และกำลังคิดที่จะหาสถานที่ๆ ถูกจริตกับเราชาวไทย ที่รักสันโดษและต้นทุนไม่แพงมากจนเกินไป ให้มาอยู่รวมกันคงจะสร้างความสนุกสนานได้อย่างแน่นอนครับ

ในสังคมปัจจุบันนี้ เป็นสังคมที่แตกต่างไปจากยุคพ่อแม่เรามาก เพราะคนรุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะคนที่มีความสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ เรามักจะพบเห็นคนโสดเยอะมาก โดยเฉพาะที่เป็นสุภาพสตรี บางคนก็ให้เหตุผลว่า ไม่อยากมีพันธะ บางคนก็บอกว่า หาคู่ครองดีๆ ยาก 


บางคนก็ให้ความเห็นว่า หากหาคนที่ไม่ดีมาเป็นคู่ครอง สู้อยู่คนเดียวดีกว่ามีคู่ บางคนก็บอกว่า การมีครอบครัว จะต้องดูแลทายาทที่จะตามมา ในขณะที่ตัวคนเดียวยังไม่ค่อยจะเพียงพอเลย แล้วจะเอาอะไรไปเลี้ยงดูคนที่จะฝากชีวิตไว้กับเราอีก 

ดังนั้นก็ไม่อยากมีครอบครัวเสียเลย บางคนที่มีฐานะดี ก็เกรงกลัวไปเสียหมดทุกอย่าง บางคนที่มีหน้าที่การงานดี ต้องทำงานหนัก ก็ไม่มีเวลาไปคบหาสมาคมกับผู้คน เลยทำให้ต้องถือครองความโสดต่อไป บางคนก็มีคนที่เข้ามาคบหาอยู่ แต่ก็ให้เหตุผลในการเลิกราว่า ความคิดไม่ตรงกันไปด้วยกันไม่ได้อีก หรือบางคนพอคบกันไปนาน ก็เบื่อหรือเห็นจุดบกพร่องของฝ่ายตรงข้าม พาลบอกว่าเข้ากันไม่ได้ เป็นงั้นไปก็มี เฮ้อ.....โลกมนุษย์ ยากจริงๆ ครับ


ในความคิดเห็นของผม เมื่อผมพบเห็นคนที่อยู่ใกล้ตัว ที่เลยเลขสามไปแล้ว ผมมักจะยุส่งให้เอาไปเถอะ อย่าเรื่องมากเลย เพราะเดี๋ยวจะช้าเกินไปสำหรับรับสมาชิกใหม่ในครอบครัว (แต่ตัวผมเอง ลูกชายสามคนก็เลยเลขสามไปแล้ว ก็ยังไม่ยอมมีครอบครัวสักที) 


ผมเชื่อในคำสอนของซุ่นจื่อ荀子 ในหนังสือ “หลู่ เจีย เสว ซอ” 儒家學說เรื่องเทียนหลุน天論 ที่เคยเล่าเรียนมาตั้งแต่เด็กๆ ที่สอนให้คนเข้าใจในโลกของครอบครัว ความสุขของชีวิตครอบครัว ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของโลกมนุษย์นั่นเอง 


ดังนั้นคนเราทุกคน ควรจะมีการดำเนินชีวิตไปตามธรรมชาติที่กำหนดมา การที่โลกสร้างมนุษย์ขึ้นมา จะต้องมีการสืบพันธุ์ เพื่อให้เกิดมีมนุษย์คนใหม่เกิดขึ้นในโลก เพื่อสานต่อมวลมนุษย์ชาติต่อไปไม่สิ้นสุดนั่นเอง 


บางคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ หรือหากเราไม่มีมนุษย์ตัวน้อยๆ ที่มาคอยสืบสันดานของเรา ก็ไม่เห็นจะแปลก เพราะมวลมนุษย์ชาติ ใช่ว่าจะมีเราแต่เพียงผู้เดียว ยังมีมนุษย์เช่นเราอีกมากมาย ที่ยังสามารถสืบทอดมวลมนุษย์ต่อไปได้อีกเยอะ 


จนมนุษย์จะล้นโลกอยู่แล้ว ผมก็ไม่เถียงครับ แต่อยากให้มองว่าทำไมวัฒนธรรมจีนที่ยาวนานสองพันกว่าปี จึงมีชนเผ่าเดียวกับเรา ถ้าเล็กลงหรือแคบไปกว่านั้น เราอาจจะมองไปที่ตระกูล(แซ่)เดียวกับเรา ยังมีสมาชิกอีกมากมาย 


ผมจึงมีความคิดว่า นั่นเป็นเพราะว่าเราเป็นมนุษย์ที่ประเสริฐไงละครับ เราถึงมีเผ่าพันธุ์ที่แซ่เดียวกับเราเยอะแยะไปหมด ผมเองเป็นกรรมการบริหารของสมาคมตระกูลหวงโลก ซึ่งมีคนที่แซ่เดียวกับผมทั่วโลกร้อยกว่าประเทศ ทุกปีจะมีการประชุมใหญ่ในทุกภูมิภาคทั่วโลก 


ญาติที่ไม่เคยรู้จักว่าเป็นญาติ ก็จะมารวมตัวกันทุกปี จะมีความรู้สึกว่าเราช่างมีความอบอุ่นอย่างยิ่ง ที่ได้มีญาติอยู่ทั่วโลกเช่นนี้ครับ


เมื่อเป็นไปตามธรรมชาติตามกฎของเทียนหลุนของซุ่นจื่อ หากนำมาเปรียบเทียบให้ดี จะมีสอดคล้องกับคำสั่งสอนทางพุทธศาสนา นั่นคือกฎแห่งธรรมชาติของ เกิด แก่ เจ็บ ตาย นั่นเอง 


ทุกคนย่อมหนีกฎสี่ประการนี้ไม่พ้น นอกเสียจากว่า ด่วนจากโลกนี้ไปก่อนที่จะ “แก่และเจ็บ” นั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนี้เราจึงควรจะสืบสานธรรมชาติของการมีครอบครัวเพื่อสืบทอดมวลมนุษย์นั่นเองครับ 


เพียงแต่ว่าใครจะโชคดี ที่มีผู้สืบสันดานหรือลูกหลาน ที่กตัญญูรู้คุณและดูแลพ่อแม่เมื่อยามแก่เฒ่า แต่ก็อาจจะมีบางท่านที่ไม่ได้โชคดีเช่นนั้น ถ้าหากได้เป็นหนึ่งในผู้โชคไม่ดีนั้น แล้วยามแก่เฒ่าจะไปที่ไหนละครับ คงจะไปคาดหวังให้ใครมาดูแลลำบากเหมือนกันครับ
      

ยังมีอีกจำพวกหนึ่ง คือคนที่ไม่มีครอบครัว หรือคนโสดที่ไม่มีคู่ครองที่จะมาอยู่ร่วมกันในยามแก่เฒ่านั่นเอง ท่านเหล่านี้ก็จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจรอรับสถานะของตนเองในยามแก่เฒ่า 


บางท่านอาจจะโชคดี ก็ที่มีญาติพี่น้องคอยดูแล หรืออาจจะมีหลานๆ ที่คอยดูแล  แต่ถ้าไม่มีละควรจะทำอย่างไร? หรือบางท่านอาจจะโชคดีที่มีการสะสมทรัพย์สินไว้ในยามที่ตนเองยังกำยำแข็งแรงอยู่ พอแก่เฒ่าอาจจะนำเอาเงินที่สะสมไว้นั้น มาเป็นแรงจูงใจให้ใครก็ตามมาดูแลตนเองได้ แต่ถ้าไม่มีละควรจะทำอย่างไร? 


นี่คือคำถามง่ายๆ แต่หาคำตอบที่ยากมากๆ ครับ ดังนั้นเมื่อยามแก่เฒ่าใกล้มาถึงตัวเรา เราได้เคยคิดต่อหรือยังครับว่าเราจะจัดการชีวิตที่เหลืออยู่ของเราอย่างไรดี? น่าคิดนะครับ!!