เลดี้ กาก้า (Lady Gaga) ศิลปินระดับโลก เตรียมแสดงคอนเสิร์ตที่สิงคโปร์ในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นการแสดงเพียงแห่งเดียวในเอเชีย ทันทีที่มีการประกาศวันแสดงที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ (Singapore National Stadium) ในวันที่ 18, 19, 21 และ 24 พฤษภาคมนี้ กระแสตอบรับจากแฟนเพลงทั่วภูมิภาคก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการจองที่พักในสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้นถึง 358% ตามข้อมูลจากแพลตฟอร์มท่องเที่ยว Agoda ความนิยมที่เพิ่มขึ้นนี้ไม่ใช่แค่การแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของ Lady Gaga แต่ยังเป็นตัวชี้วัดถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นจาก "คอนเสิร์ตเศรษฐกิจ" ที่สิงคโปร์วางยุทธศาสตร์มาอย่างยาวนาน
เลดี้ กาก้า เคยแสดงคอนเสิร์ตในสิงคโปร์ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2012 ใน Born This Way Ball Tour ซึ่งในครั้งนั้นก็ได้รับความสนใจอย่างมาก นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังเคยเป็นเจ้าภาพการแสดงของเธอที่ Fort Canning Park ในปี 2009 และการแสดงพิเศษที่จัดร่วมกับ Singtel ในปีเดียวกัน รวมถึงการแสดงที่ Marina Bay Sands ในปี 2011 อย่างไรก็ตาม คอนเสิร์ตครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปีที่เธอกลับมาแสดงในสิงคโปร์ และเป็นการแสดงที่ใหญ่ที่สุดของกาก้าที่เคยมีมาในประเทศ เนื่องจาก National Stadium สามารถรองรับผู้ชมได้มากถึง 60,000 คน ทำให้แฟนเพลงจากทั่วภูมิภาคต่างรีบจองตั๋วและเตรียมตัวเดินทางมาสิงคโปร์เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ครั้งสำคัญนี้
ผลกระทบของการประกาศคอนเสิร์ตนี้สะท้อนให้เห็นถึงปรากฏการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับคอนเสิร์ตของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ที่จัดขึ้นในสิงคโปร์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดย The Eras Tour ของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ส่งผลให้ราคาห้องพักโรงแรมพุ่งสูงขึ้น และดึงดูดนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เดินทางมายังสิงคโปร์ ซึ่งทำให้เกิดข้อถกเถียงในภูมิภาคว่าทำไมสิงคโปร์ถึงได้รับเลือกให้เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตแห่งเดียวของศิลปินระดับโลก ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ได้รับโอกาสนั้น
เหตุผลหลักที่สิงคโปร์สามารถดึงดูดศิลปินระดับโลกมาจัดคอนเสิร์ตได้อย่างต่อเนื่องมาจากการวางยุทธศาสตร์ระยะยาวของประเทศที่ต้องการเป็น "ศูนย์กลางความบันเทิงระดับโลก" โครงสร้างพื้นฐานของสิงคโปร์มีความพร้อมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬา National Stadium ที่มีความจุขนาดใหญ่และอุปกรณ์เทคโนโลยีระดับสูง สนามบินชางงีที่เป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคที่สามารถเชื่อมต่อกับเมืองต่างๆ ทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย รวมถึงระบบบริหารจัดการอีเวนต์ที่มีประสิทธิภาพ Kallang Alive Sport Management (KASM) และ Live Nation ซึ่งเป็นผู้จัดงานคอนเสิร์ตระดับโลกทำงานร่วมกันเพื่อให้สิงคโปร์เป็นจุดหมายปลายทางของศิลปินระดับท็อป
ในขณะที่สิงคโปร์สามารถดึงดูด เลดี้ กาก้า และ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ให้มาแสดงที่ประเทศนี้เพียงแห่งเดียวในเอเชีย ประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลับไม่ได้รับเลือก ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ทำให้เป็นเช่นนั้น หนึ่งในเหตุผลหลักคือโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอื่นๆ อาจยังไม่ตอบโจทย์ศิลปินระดับโลก เช่น ในกรณีของฟิลิปปินส์ที่แม้จะมีฐานแฟนคลับขนาดใหญ่ แต่กลับมีปัญหาเรื่องสนามกีฬาที่ไม่สามารถรองรับโปรดักชันขนาดใหญ่ได้ รวมถึงการเดินทางที่ไม่สะดวก เช่น Philippine Arena ซึ่งเป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ไม่มีระบบขนส่งมวลชนที่สามารถเข้าถึงได้โดยตรง ทำให้แฟนๆ ต้องเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถโดยสาร ซึ่งอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง
สำหรับประเทศไทย แม้จะมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง แต่ยังมีอุปสรรคบางประการที่ทำให้ไม่ได้รับเลือกเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตระดับโลก สนามกีฬาหลักของไทย เช่น ราชมังคลากีฬาสถาน มีข้อจำกัดด้านขนาดและอุปกรณ์จัดแสดงที่อาจไม่รองรับความต้องการของศิลปินระดับนานาชาติ นอกจากนี้ ระบบขนส่งมวลชนยังไม่เชื่อมต่อกับสถานที่จัดคอนเสิร์ตได้อย่างสะดวกเหมือนสิงคโปร์ และที่สำคัญ สิงคโปร์มีความสามารถในการเจรจาสัญญากับศิลปินเพื่อให้ประเทศของตนเป็นจุดหมายปลายทางเดียวในภูมิภาค ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไทยยังขาด
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของสิงคโปร์ในการเป็นศูนย์กลางความบันเทิงของภูมิภาคได้กระตุ้นให้รัฐบาลไทยเริ่มตื่นตัวมากขึ้น ล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สรวงศ์ เทียนทอง ได้เปิดเผยว่าประเทศไทยกำลังผลักดันให้มีการจัดอีเวนต์ระดับโลกเพิ่มขึ้น นอกจากคอนเสิร์ตแล้ว ไทยยังต้องการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก เช่น Formula One และ MotoGP เพื่อต่อยอดเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศ
แม้ว่าสิงคโปร์จะเดินเกมไกลในการเป็นจุดหมายปลายทางหลักของศิลปินระดับโลก แต่ไทยเองก็เริ่มเห็นโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของตนเอง หากต้องการเป็นศูนย์กลางคอนเสิร์ตระดับโลก ไทยและประเทศอื่นๆ ในเอเชียจำเป็นต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการจัดอีเวนต์ขนาดใหญ่ ปรับปรุงระบบขนส่งมวลชน และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับผู้จัดงานระดับสากล เพื่อให้สามารถแข่งขันกับสิงคโปร์ได้ในอนาคต
อ้างอิง: The independent, Straitstimes, Scmp, Channelnewsasia, The guardian