สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน ปริมาณทองคำที่ถูกเก็บไว้ในโกดังของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากมีทองคำแท่งมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ไหลเข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาล เนื่องจากกระแสความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากร
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า ทองคำคงคลังในตลาด COMEX นิวยอร์ก เพิ่มขึ้นแตะ 39.7 ล้านออนซ์ ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2532 หรือกว่า 33 ปี โดยมีมูลค่ารวมกว่า 115,000 ล้านดอลลาร์
นักลงทุนและผู้ค้าทองคำในตลาดเร่งปิดสถานะสัญญาขายล่วงหน้า เนื่องจากกังวลว่าทองคำอาจถูกจัดอยู่ในกลุ่มรวมเข้าในมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้ราคาฟิวเจอร์สทองคำในนิวยอร์กพุ่งสูงกว่าราคาทองคำแท่งในตลาดลอนดอนอย่างมีนัยสำคัญ
ช่องว่างของราคานี้เปิดโอกาสให้เกิดการเก็งกำไร ส่งผลให้ ทองคำจำนวนมหาศาลไหลเข้าสู่สหรัฐฯ เพื่อทำกำไรจากส่วนต่าง ทำให้ปริมาณทองคำที่เก็บอยู่ในคลัง Comex สูงขึ้นผิดปกติ
ปริมาณทองคำในคลัง Comex ปัจจุบัน สูงถึง 80% ของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทั้งหมด ซึ่งปกติแล้วสัดส่วนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 20% เท่านั้น สถานการณ์นี้สะท้อนถึง การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ของนักลงทุนและสถาบันการเงิน ที่เลือกสะสมทองคำในนิวยอร์กมากขึ้น แทนที่จะเก็บทองคำไว้ที่ลอนดอนตามปกติ
ตลาดเริ่มสงบ ทองคำไหลเข้าช้าลง
แม้ว่าปริมาณทองคำที่ไหลเข้าสหรัฐฯ จะพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงต้นปี แต่สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง โดยปริมาณทองคำที่ถูกนำเข้าคลัง Comex ลดลงจาก 1 ล้านออนซ์ต่อวัน เหลือเพียง 200,000 ออนซ์หรือน้อยกว่านั้น ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
การลดลงของส่วนต่างราคาทองคำในตลาดต่างๆ บ่งชี้ว่าความต้องการเก็งกำไรเริ่มลดลง และตลาดทองคำกำลังกลับเข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า การสะสมทองคำจำนวนมากในสหรัฐฯ ครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาณถึงความไม่แน่นอนของตลาดโลกในระยะยาว