ท่ามกลางสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อมาเป็นปีที่ 3 ความขัดแย้งทั่วโลกกลับทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างขึ้นอย่างน่าวิตก ข้อมูลล่าสุดจาก ดัชนีความเข้มข้นของความขัดแย้ง (CII) โดย Verisk Maplecroft เผยว่าพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 65% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
แม้ว่าระดับความขัดแย้งทั่วโลกจะลดน้อยลงระหว่างการระบาดของโควิด-19 แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า มีแนวโน้มความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งทศวรรษ ขณะที่วิกฤตการณ์ที่ยาวนานหลายครั้งยังคงไม่ลดลง
สถานการณ์ปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบคิดเป็น 4.6% ของพื้นที่โลก เพิ่มขึ้นจาก 2.8% ในปี 2021 โดยมี 27 ประเทศที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงเอกวาดอร์ โคลอมเบีย อินเดีย อินโดนีเซีย และไทย
ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อภูมิภาคยุโรปตะวันออกเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดผลกระทบลูกโซ่ไปทั่วโลก โดยเฉพาะด้านความมั่นคงทางอาหารและห่วงโซ่อุปทานโลก การส่งออกธัญพืชไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาได้รับผลกระทบอย่างหนัก ขณะที่การโจมตีเรือขนส่งในทะเลแดงโดยกลุ่มฮูตียิ่งซ้ำเติมปัญหาการขนส่งระหว่างประเทศ
เส้นทางความขัดแย้งในแอฟริกา
ภูมิภาคซาเฮลในแอฟริกากลายเป็นพื้นที่วิกฤตใหม่ โดยเฉพาะในประเทศบูร์กินาฟาโซที่มีพื้นที่ถึง 86% อยู่ในสภาวะความขัดแย้ง นอกจากนี้ ซูดานและเอธิโอเปียก็เผชิญกับความรุนแรงครั้งใหญ่ สถานการณ์ในภูมิภาคนี้ทวีความรุนแรงเป็นสองเท่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน
SOS Children's Villages International ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือเด็กที่พลัดพรากจากครอบครัว กล่าวว่า ตัวเลขที่น่าตกใจคือมีเด็กกว่า 470 ล้านคนทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม โดยเฉพาะในพื้นที่ยูเครน ซูดาน กาซา และเลบานอน แองเจลา โรซาเลส จาก SOS Children's Villages International เตือนว่าเด็กในพื้นที่ขัดแย้งเสี่ยงต่อการถูกแสวงประโยชน์ การค้ามนุษย์ และการทารุณกรรม
รายงานชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์รุนแรงเพิ่มขึ้น 27% นับตั้งแต่สงครามยูเครนเริ่มต้น และน่าวิตกว่าความขัดแย้งที่มีอยู่เดิมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ โดยเฉพาะในกรณีของเมียนมาร์ที่มีกลุ่มกบฏติดอาวุธจำนวนมาก ทำให้การเจรจาสันติภาพเป็นไปได้ยาก
การเปลี่ยนแปลงรูปแบบความขัดแย้ง
ทศวรรษ 2020 เป็นทศวรรษของการโจมตีทางอากาศโดยเฉพาะการใช้โดรน ซึ่งแตกต่างจากช่วงกลางทศวรรษ 2010 ที่ความขัดแย้งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับกลุ่มติดอาวุธที่ไม่ใช่รัฐและใช้อาวุธขนาดเล็กเป็นหลัก
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
รายงานเน้นย้ำว่า ธุรกิจทั่วโลกต้องตระหนักถึงผลกระทบของความขัดแย้ง แม้จะดูเหมือนว่าเกิดขึ้นในพื้นที่ห่างไกล แต่ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานสามารถส่งผลกระทบต่อธุรกิจในทุกมุมโลก