สื่อทางการจีนเผย รัฐบาลพร้อมเจรจาอียูขอให้ยกเลิกภาษีรถ EV ก่อนมีผล 4 ก.ค.  

25 มิ.ย. 2567 | 06:22 น.
อัปเดตล่าสุด :25 มิ.ย. 2567 | 07:17 น.

"โกลบอลไทม์ส" สื่อของทางการจีนเผย รัฐบาลปักกิ่งต้องการให้สหภาพยุโรป (อียู) ยกเลิกการจัดเก็บภาษีพิเศษรถยนต์ไฟฟ้า (EV) นำเข้าจากจีน ก่อนมีผลในวันที่ 4 ก.ค.นี้ หวังลดความร้อนแรงของการเปิดศึกการค้าที่เกิดจากการตั้งกำแพงภาษีใส่กัน

หนังสือพิมพ์โกลบอล ไทม์ส สื่อของรัฐบาลจีน รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (23 มิ.ย.) ว่า จีน ต้องการให้ สหภาพยุโรป (อียู) ยกเลิก แผนเรียกเก็บภาษีพิเศษ จาก ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่นำเข้าจากจีน ซึ่งจะมีผลภายในวันที่ 4 ก.ค.นี้ โดยการเรียกร้องดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงที่จะเริ่มการเจรจาการค้ารอบใหม่

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อัตราภาษีนำเข้าชั่วคราวของอียูที่อัตราสูงสุดอยู่ที่ระดับ 38.1% สำหรับรถ EV ที่นำเข้าจากจีน จะเริ่มบังคับใช้ภายในวันที่ 4 ก.ค.นี้ ขณะที่อียูกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า บริษัทผู้ผลิตรถ EV ของจีนได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีน “มากเกินไป” และ “ไม่เป็นธรรม” หรือไม่

ทั้งนี้ จีนได้เรียกร้องให้อียูยกเลิกการจัดเก็บภาษีดังกล่าวหลายครั้งแล้ว พร้อมกับแสดงความเต็มใจที่จะเจรจา โดยรัฐบาลจีนไม่ต้องการให้เกิดสงครามกำแพงภาษีขึ้นอีก เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากภาษีที่สหรัฐอเมริกาเรียกเก็บกับสินค้าจีนในสมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่จีนก็ยืนยันว่าจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องบริษัทจีน หากเกิดสงครามกำแพงภาษีขึ้นจริง

รายงานข่าวระบุว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะเริ่มเจรจาเรื่องภาษีกันอีกครั้ง หลังจากที่นายวัลดิส ดอมบรอฟสกีส์ รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) หารือทางโทรศัพท์กับนายหวัง เหวินเทา รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (22 มิ.ย.) ระหว่างที่นายโรเบิร์ต ฮาเบ็ค รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนี เดินทางเยือนจีน โดยนายฮาเบ็คระบุว่า ประตูสำหรับการเจรจายังคงเปิดกว้าง

ภาษีนำเข้าพิเศษของอียูอัตราสูงสุดอยู่ที่ระดับ 38.1% สำหรับรถ EV ที่นำเข้าจากจีน จะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 4 ก.ค.นี้

"ยังมีเวลาสำหรับการเจรจาระหว่างสหภาพยุโรปและจีนเกี่ยวกับประเด็นด้านภาษี ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบในเดือนพฤศจิกายนนี้ ผมเชื่อมั่นในตลาดที่เปิดเสรี แต่ตลาดนั้นก็จำเป็นต้องมีเวทีการแข่งขันที่เท่าเทียมกัน" นายฮาเบ็คกล่าว 

การเยือนของฮาเบ็ค ถือเป็นครั้งแรกที่มีการเยือนจีนโดยเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของยุโรปนับตั้งแต่อียูเสนอเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผลิตในจีนเพื่อต่อสู้กับสิ่งที่อียูพิจารณาเห็นว่าเป็นการทุ่มเงินอุดหนุนมากจนเกินไป

นายโรเบิร์ต ฮาเบ็ค รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนี ให้สัมภาษณ์สื่อระหว่างเดินทางเยือนจีน (ภาพข่าวรอยเตอร์)

โกลบอล ไทม์ส รายงานเมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์ที่ผ่านมาโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของการเจรจาคือ อียูยกเลิกการตัดสินใจเก็บภาษีก่อนวันที่ 4 ก.ค.นี้

โกลบอล ไทม์ส ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลจีนรายงานเพิ่มเติมว่า การที่อียูดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้จีนต้องใช้มาตรการตอบโต้ และการยกระดับความขัดแย้งทางการค้าจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ "ต่างฝ่ายต่างแพ้"

ทั้งนี้ กำแพงภาษีดังกล่าวมีกำหนดจะได้ข้อสรุปในวันที่ 2 พ.ย. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการสอบสวนโดยอียูเรื่องการอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรม

ฝ่ายจีนปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องเงินอุดหนุน (subsidies)ที่ไม่เป็นธรรม โดยกล่าวว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมรถ EV ของจีนเป็นผลมาจากข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยี ตลาด และห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรม

คาดหวังลดความร้อนแรงสงครามการค้า 

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์จีนได้แถลงเปิดการสอบสวนกรณีการทุ่มตลาด (anti-dumping) กับผู้ส่งออกเนื้อหมูจากกลุ่มประเทศอียูแล้ว ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเป็นการตอบโต้กลับของจีน หลังจากที่อียูประกาศขึ้นภาษีรถอีวีนำเข้าจากจีน ซึ่งมีอัตราสูงสุดถึง 38.1% และหากเป็นเช่นนั้น ก็หมายถึงสัญญาณการเปิดศึกการค้าระหว่างจีน-อียูกำลังก่อตัวขึ้นแล้ว

รายงานระบุว่า การสอบสวนของจีนซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา มุ่งไปที่เนื้อหมูนำเข้าสำหรับการบริโภคเป็นหลัก เช่น เนื้อหมูสด และเนื้อหมูแช่แข็ง ไปจนถึงเครื่องใน หลังจากกระทรวงพาณิชย์ได้รับการร้องเรียนอย่างเป็นทางการจากสมาคมสัตวบาลของจีน ในฐานะตัวแทนของอุตสาหกรรมผู้เลี้ยงหมูในจีน

การเปิดสอบอียูกรณีการทุ่มตลาดครั้งนี้มีขึ้นตามมาเพียง 1 สัปดาห์หลังจากที่อียูประกาศมาตรการขึ้นภาษีรถอีวีเพิ่มเติมกับจีน ขณะที่ฝั่งอียูก็เตรียมตั้งรับความเป็นไปได้ที่จีนอาจดำเนินมาตรการตอบโต้กลับผ่านการตั้งกำแพงภาษีกีดกันสินค้าเกษตรของอียู เช่น เนื้อหมู และผลิตภัณฑ์นม

ทั้งนี้ จีนมีการนำเข้าเนื้อหมูและเครื่องใน คิดเป็นมูลค่ารวม 6,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.2 แสนล้านบาทในปี 2566 และในจำนวนนี้มากกว่าครึ่งเป็นการนำเข้าจากกลุ่มประเทศในอียู นำโดยสเปน 1,500 ล้านดอลลาร์ ตามด้วยเนเธอร์แลนด์ 620 ล้านดอลลาร์ และเดนมาร์ก 550 ล้านดอลลาร์ 

กระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า กระบวนการสอบสวนเรื่องการทุ่มตลาดครั้งนี้ คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 17 มิ.ย. ปีหน้า (2568) หรือใช้เวลาราว 1 ปี หรืออาจต่ออายุออกไปได้อีก 6 เดือนถ้าจำเป็น แต่ระหว่างนั้นผู้ส่งออกของอียูยังสามารถส่งออกมายังจีนแบบปลอดภาษีได้ตามเดิมอยู่

 

ข้อมูลอ้างอิง