มูดี้ส์หั่นแนวโน้มเครดิตจีนสู่เชิงลบครั้งแรกรอบ 6ปี ชี้ศก.ชะลอ-หนี้พุ่ง

06 ธ.ค. 2566 | 05:42 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ธ.ค. 2566 | 06:46 น.

"มูดี้ส์" ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลจีนลงสู่เชิงลบจากเดิมที่อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2560 โดยระบุถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงในระยะกลาง ความเสี่ยงจากวิกฤตใหญ่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และภาระหนี้พุ่งทะยาน

 

มูดี้ส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำ ระบุในแถลงการณ์วานนี้ (5 ธ.ค.) ว่า การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ของพันธบัตรรัฐบาลจีน สะท้อนถึงหลักฐานที่เพิ่มขึ้นว่า รัฐบาลจีนจะต้องให้การสนับสนุนด้านการเงินกับรัฐบาลท้องถิ่นและบริษัทของรัฐที่มี ปัญหาด้านหนี้สิน ซึ่งจะทำให้เกิด ความเสี่ยงต่อความแข็งแกร่งด้านการคลัง เศรษฐกิจ และสถาบันของจีน

"การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มความน่าเชื่อถือยังสะท้อนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะกลางที่ชะลอลง และการที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีขนาดเล็กลงอย่างต่อเนื่อง" มูดี้ส์ระบุ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มูดี้ส์ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของจีนลงเมื่อวันอังคาร (5 ธ.ค.) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของจีนลงสู่อันดับ A1 ในปี 2560 โดยระบุถึงการคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงและหนี้สินที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ มูดี้ส์ยังคงตรึงอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินหยวนและสกุลเงินต่างประเทศของจีนไว้ที่อันดับ A1 และคาดว่า การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 4.0% ในปี 2567 และ 2568 และจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 3.8% ตั้งแต่ปี 2569-2573

จนท.คลังจีนโต้ มูดี้ส์หั่นแนวโน้มเครดิตจีน "ไม่สมเหตุสมผล"

ด้านเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลังของจีนเปิดเผยว่า จีนรู้สึกผิดหวังกับการที่มูดี้ส์ ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำ ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจีนลงสู่เชิงลบจากมีเสถียรภาพ เนื่องจากทางจีนเองมองว่าเศรษฐกิจจีนนั้น มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ท่ามกลางแรงผลักดันที่อ่อนแอจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

เจ้าหน้าที่กล่าวเสริมว่า ความกังวลของมูดี้ส์เกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของจีนและความยั่งยืนทางการคลังนั้น “ไม่สมเหตุสมผล”

พร้อมกันนี้ยังระบุว่า ปี 2566 เป็นปีแรกที่เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 โดยจีนสามารถต้านทานความเสี่ยงและความท้าทายจากต่างประเทศ รวมถึงแรงกดดันขาลงซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายประการในประเทศ จนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 5.2% เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้

ขณะเดียวกัน การคาดการณ์ล่าสุดจากสถาบันระหว่างประเทศหลายแห่ง รวมถึงธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ล้วนแสดงให้เห็นว่า จีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ประมาณ 5% ในปีนี้

นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนมีความสามารถในการฟื้นตัวและมีศักยภาพสูง และปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งในระยะยาวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยจีนจะยังคงเป็นกลไกสำคัญในการเติบโตของเศรษฐกิจโลกต่อไปในอนาคต

สำนักข่าวซินหัว สื่อใหญ่ของจีนรายงานอ้างอิงเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลัง ที่กล่าวสรุปว่า ตลาดภายในประเทศที่มีขนาดมหึมาของจีนมีอุปสงค์ที่ดีเยี่ยม ขณะที่สถานการณ์การจ้างงานและราคาโดยทั่วไปก็มีเสถียรภาพ ด้านแรงผลักดันภายในจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่จีนเร่งส่งเสริมการพัฒนาอย่างมีคุณภาพสูงต่อไป

ข้อมูลอ้างอิง