ข้อสงสัย “อิหร่าน”หนุนหลังฮามาส ความรุนแรงรอบใหม่ “อิสราเอล-ปาเลสไตน์”

09 ต.ค. 2566 | 16:30 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ต.ค. 2566 | 16:31 น.

การสู้รบที่ดุเดือดระหว่างกองกำลังอิสราเอลและกลุ่มฮามาสยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่ สหรัฐฯ ยังคงพยายามหาทางระบุความเชื่อมโยงของอิหร่านกับการโจมตีของอิสราเอลรอบใหม่ ขณะที่อิหร่านปฏิเสธการมีส่วนร่วมโดยตรงในการโจมตีของกลุ่มฮามาส

ยอดผู้เสียชีวิตกำลังเพิ่มขึ้นในอิสราเอลและฉนวนกาซา จากการสู้รบที่ดุเดือดระหว่างกองกำลังอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาส  โดยอิสราเอลประกาศสงครามอย่างเป็นทางการกับกลุ่มฮามาสเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากกลุ่มฮามาสเปิดฉากการโจมตีอย่างน่าประหลาดใจเมื่อวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2566 อิสราเอลยังตัดอำนาจในฉนวนกาซา ทำให้ความพยายามในการรักษาพยาบาลมีความซับซ้อน เนื่องจากดินแดนที่มีประชากรหนาแน่นถูกโจมตีทางอากาศของอิสราเอล

การสู้รบที่กำลังดำเนินต่อไป สหรัฐฯ อยู่ระหว่างส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีของกองทัพเรือไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก รวมถึงเรือพิฆาตติดขีปนาวุธและเรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธ ทั้งยังวางตำแหน่งเครื่องบินรบเพิ่มเติมในตะวันออกกลาง เพื่อเป็นเครื่องป้องปราม  กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ในเลบานอนและกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ที่ร่วมมือกันต่อต้านอิสราเอล การเคลื่อนไหวของเพนตากอนครั้งนี้ ส่งผลให้กลุ่มฮามาสกล่าวว่า เป็น "การรุกรานชาวปาเลสไตน์"

สหรัฐฯ ยังคงพยายามหาทางระบุความเชื่อมโยงของอิหร่านกับการโจมตีของอิสราเอล  CNN รายงานว่า รักษาการรองรัฐมนตรีต่างประเทศ วิกตอเรีย นูแลนด์ กล่าวในการบรรยายสรุปว่า ยังไม่พบความเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างอิหร่านกับการโจมตีของกลุ่มฮามาสในอิสราเอล แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่าในอดีตอิหร่านได้จัดหาอาวุธให้กับกลุ่มฮามาส แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังมองหาความเชื่อมโยงที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เพราะอิหร่านเป็นศัตรูตัวฉกาจของอิสราเอลและทั้งสองประเทศมีส่วนร่วมในสงครามตัวแทนมายาวนาน โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านต่อสู้กับกองกำลังอิสราเอล

ขณะที่วันแรกของการโจมตีอิสราเอล ที่ปรึกษาระดับสูงของ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน แสดงความยินดีต่อนักรบปาเลสไตน์ ที่เปิดฉากโจมตีดินแดนของอิสราเอลแบบคาดไม่ถึง

ความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่าน

ปี 1948-1978 อิสราเอลและอิหร่านมีความสัมพันธ์อันดี กระทั่ง การปฏิวัติอิสลาม ในปี 1979 ความขัดแย้งของทั้งสองประเทศค่อยๆ พัฒนาไปในเชิงภูมิศาสตร์และเชิงกลยุทธ์ ความตึงเครียดรุนแรงขึ้นจากการที่อิสราเอลยกกองทัพเข้าไปยึดครองเลบานอนตอนใต้เมื่อปี 1982

อิหร่านส่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน หรือ IRGC จำนวน 1,500 นาย เข้าไป ไม่ใช่การสู้รบ แต่เป็นการระดมพล ฝึกฝน และติดตั้งกองกำลังติดอาวุธใต้ดินที่พัฒนาไปสู่ "กลุ่มฮิซบอลเลาะห์" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของอิหร่านในการสร้าง "กองกำลังตัวแทน" ทั่วตะวันออกกลาง กลุ่มฮิซบอลเลาะห์เปิดฉากสงคราม รวมถึงการวางระเบิดฆ่าตัวตายต่อกองกำลังอิสราเอลทางตอนใต้ เลบานอนกลายเป็นแนวหน้าที่อันตรายที่สุดสำหรับอิสราเอล และเป็นด่านหน้าของอิหร่าน

1983 กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เป็นผู้บุกเบิกการใช้ระเบิดฆ่าตัวตายเพื่อขับไล่กองกำลังตะวันตกและอิสราเอลออกจากเลบานอน

ศึกสงครามระหว่างทั้งสองฝ่ายดำเนินไปอย่างดุเดือด ปี 2000 ทหารอิสราเอลมากกว่า 900 นายเสียชีวิตในเลบานอน พลเรือนชาวเลบานอนและปาเลสไตน์หลายพันคนถูกสังหาร อิสราเอลถอนตัวออกจากเลบานอนตอนใต้โดยสมัครใจ นี่เป็นครั้งแรกที่อิสราเอลยกดินแดนอาหรับโดยไม่มีสนธิสัญญาสันติภาพ

แต่ ผู้นำสูงสุดอิร่าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเน อีกล่าวถึงอิสราเอลในปี 2000 ว่า "จะต้องถูกถอนออกจากภูมิภาค" ตลอด 5 ปีข้างหน้า ด้วยความช่วยเหลือของอิหร่าน กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้สร้างความแข็งแกร่งทางทหารและทางการเมืองของตนด้วย

ปี 2006 กลุ่มฮิซบอลเลาะห์จับทหารอิสราเอล 2 นายที่ชายแดน เรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์และเลบานอนในอิสราเอล ทำให้อิสราเอลตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินครั้งใหญ่ สงคราม 34 วัน ยาวนานที่สุดของอิสราเอล เกิดความเสียหายทั้งสองฝ่าย

ปี 2011 - 2019 อิหร่านให้ความช่วยเหลือทางทหารและเศรษฐกิจมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ส่งทหารไปประจำการในซีเรีย ทั้งกองกำลังจากทั้ง IRGC และ กองทัพทหารปกติ “อาร์เตช” (Artesh) ภายในปี 2019 อิหร่านมีกำลังทหารอยู่ในฐานทัพซีเรียมากกว่า 36 ฐานทัพ

ปี 2012 อิสราเอลส่งเครื่องบินรบโจมตีทหารอิหร่านและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ สังหารนายทหารอาวุโสของอิหร่าน ระหว่างปี 2012-2017 กองทัพอากาศอิสราเอลยอมรับว่า ได้ปฏิบัติการโจมตีขบวนอาวุธเกือบ 100 ครั้ง ซึ่งมุ่งหน้าไปยังฮิซบอลเลาะห์ ขณะที่ในปี 2018 โจมตีเป้าหมายของอิหร่านมากกว่า 200 แห่งในซีเรีย

ปี 2018 อิหร่านเริ่มทดสอบขีดจำกัดของการสู้รบและจบลงด้วยการสู้รบที่ทวีความรุนแรงขึ้น 10 กุมภาพันธ์ อิหร่านยิงขีปนาวุธจากฐานทัพซีเรีย แต่เฮลิคอปเตอร์รบอิสราเอลสกัดกั้นได้ ขณะที่เครื่องบินไอพ่นของอิสราเอล 8 ลำ โจมตีเป้าหมายของอิหร่านในซีเรีย ตามมาด้วยวันที่ 9 พฤษภาคม กองกำลังอิหร่านในซีเรียยิงจรวด 20 ลูก ใส่กองทัพอิสราเอลในที่ราบสูงโกลัน เเต่ไม่ได้สร้างความเสียหายมาก อิสราเอลจึงโจมตีเป้าหมายของอิหร่านประมาณ 70 แห่งในซีเรีย 

กลางปี ​​2019 อิหร่านสูญเสียทหารไปอย่างน้อย 500 นายในซีเรีย ไม่ว่าจะต่อสู้กับกลุ่มกบฏหรือการโจมตีของอิสราเอล ขณะที่ อิสราเอลยังเชื่อมโยงกับ การโจมตี โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน อย่างน้อย 12 ครั้งตั้งแต่ปี 2010 -2021 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการโจมตีทางไซเบอร์และการลอบสังหารบุคลากรสำคัญ

อิหร่านปฏิเสธการมีส่วนร่วมโดยตรงในการโจมตีของกลุ่มฮามาส

อิหร่านปฏิเสธเกี่ยวข้องโดยตรงกับการวางแผนโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาสหรือให้การอนุมัติล่วงหน้า โดยยืนยันว่ากลุ่มฮามาสเป็นปฏิบัติการทางการเมืองที่เป็นอิสระ

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล อ้างแหล่งข่าวหลายแห่งอ้างว่า กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม ซึ่งเป็นสาขาหลักในต่างประเทศของกองทัพอิหร่าน ได้เข้าร่วมการประชุมวางแผนของกลุ่มฮามาสในกรุงเบรุตทุก 2 สัปดาห์ตั้งแต่เดือนสิงหาคม เพื่อวางแผนโจมตีอิสราเอล

ประธานาธิบดีอิหร่าน อิบราฮิม ไรซี พูดคุยกับกลุ่มฮามาสเมื่อวันอาทิตย์ แต่ไม่มีอะไรที่จะพิสูจน์ได้ว่าอิหร่านให้การสนับสนุนด้านลอจิสติกส์หรือการวางแผนล่วงหน้า

แอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ ยังไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า อิหร่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีในครั้งนี้ แม้จะมีการกล่าวอ้าง

คณะผู้แทนอิหร่านในสหประชาชาติ ปฏิเสธต่อคำกล่าวที่ว่า กองกำลัง IRGC มีส่วนร่วมกับกลุ่มฮามาส

"การตัดสินใจที่เกิดขึ้นโดยการต่อต้านของชาวปาเลสไตน์นั้นมีความเป็นอิสระอย่างรุนแรง และสอดคล้องกับผลประโยชน์อันชอบธรรมของชาวปาเลสไตน์อย่างแน่วแน่ เรายืนหยัดอย่างหนักแน่นในการสนับสนุนปาเลสไตน์อย่างไม่ย่อท้อ อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตอบโต้ของปาเลสไตน์ เนื่องจากปาเลสไตน์เป็นผู้ยึดครองแต่เพียงผู้เดียว"

 

ที่มาข้อมูล