ผลวิจัยชี้ "ผู้นำสหรัฐ" มีอายุสูงกว่าอายุเฉลี่ยผู้นำประเทศอื่นๆเกือบ 20 ปี

31 ก.ค. 2566 | 13:42 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ก.ค. 2566 | 14:14 น.

งานวิจัยของพิว รีเสิร์ช บ่งชี้ว่า ปธน.โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐวัยกว่า 80 ปี เป็นประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดของสหรัฐ และแก่กว่าอายุเฉลี่ยของผู้นำประเทศทั่วโลก เกือบๆ 20 ปี เรื่องนี้มีอะไรน่าเป็นห่วงหรือไม่

 

นักการเมืองในวัยอาวุโสของ สหรัฐอเมริกา มีอยู่มากมายในรัฐสภา แต่การที่ล่าสุด จู่ๆ นายมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา ก็หยุดนิ่งไปโดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ ขณะกำลังกล่าวแถลงข่าวที่สภาคองเกรสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็นับเป็นเครื่องย้ำเตือนล่าสุดว่า ผู้นำทางการเมือง ที่ทรงอำนาจที่สุดของสหรัฐอเมริกานั้น มีอายุมากกว่าผู้นำหลายคนในประเทศประชาธิปไตยอื่นๆ ในโลกใบนี้ และสุขภาพของพวกเขาจะมีผลต่อการทำงานหรือไม่และเพียงใดนั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะวัยที่ลายครามอาจเป็นตัวบ่งชี้ประสบการณ์และความเก๋าเกมของผู้นำ แต่วัยที่มากเกินไปก็อาจเป็นอุปสรรคในการทำงานเช่นกัน 

รายงานของพิว รีเสิร์ช (Pew Research Center) ที่เผยแพร่เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า นายโจ ไบเดน วัย 80 ปี เป็นประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดของสหรัฐอเมริกา และเขาก็แก่กว่า หรือมีอายุมากกว่าอายุเฉลี่ยของผู้นำประเทศอื่นๆทั่วโลกซึ่งค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 62 ปี อยู่เกือบๆ 20 ปีเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่า ประธานาธิบดีไบเดนจะมีอายุน้อยกว่าประธานาธิบดีพอล บิยา ผู้นำประเทศแคเมอรูน วัย 89 ปี ซึ่งเป็นประมุขแห่งรัฐที่มีอายุมากที่สุดในโลกในขณะนี้ก็ตาม แต่ไบเดนก็สามารถจะเป็น “คุณปู่” ของประธานาธิบดีเกเบรียล โบริค ของชิลี หรือนางซานนา มาริน ที่เพิ่งลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีประเทศฟินแลนด์เมื่อเดือนที่แล้ว โดยผู้นำและอดีตผู้นำที่กล่าวมา มีอายุเพียง 37 ปีเท่านั้น ถือเป็นผู้นำอายุน้อยที่สุดในโลก

ผู้นำชาติไหน สูงวัยที่สุด-หนุ่มที่สุด

 

อย่างไรก็ตาม ปธน.ไบเดน ยังมีอายุน้อยกว่าสมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐบางคน โดยในการแถลงข่าวที่อาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (26 ก.ค.) นายมิทช์ แมคคอนเนลล์ วัย 81 ปี ได้หยุดพูดกลางประโยค และยืนนิ่งเงียบเป็นเวลาถึง 21 วินาทีก่อนที่นักข่าวจะพาตัวเขาออกไปจากจุดที่เขายืนแถลงข่าว หลังจากนั้นสักครู่เขาจึงกลับมาอีกครั้งโดยบอกว่า "ผมสบายดี"

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสภาพจิตใจของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาเข้าโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาอาการกระทบกระเทือนจากการล้มในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา

สำนักงานเลขาฯของนายแมคคอนเนลล์เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (28 ก.ค.) ว่า เขาวางแผนจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนครบวาระการดำรงตำแหน่งในปีพ.ศ. 2569 ซึ่งถ้าถึงจุดนั้น เขาจะมีอายุ 84 ปี

 ส่วนสมาชิกสภาสหรัฐหลายรายที่มีอายุมากกว่าหรือพอ ๆ กันกับนายแมคคอนเนลล์นั้น ได้แก่ นายชัค กราสลีย์ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันจากรัฐไอโอวา วัย 89 ปี นางไดแอน ไฟน์สไตน์ วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตจากแคลิฟอร์เนียวัย 89 ปี และนายเบอร์นี แซนเดอร์ วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์มอนต์ วัย 81 ปี

ปธน.ไบเดนวัย 80 สะดุดหกล้มขณะร่วมพิธีสำเร็จการศึกษาของนักเรียนนายเรืออากาศสหรัฐเมื่อเดือนมิ.ย.2566

เว็บไซต์ FiveThirtyEight ประมาณการว่า สมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐจำนวนมากอยู่ในวัย 70 ปีขึ้นไป และอายุเฉลี่ยของวุฒิสมาชิกสหรัฐก็อยู่ที่ 65.3 ปี ซึ่งนับว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อายุเฉลี่ยของประชากรชาวอเมริกันโดยรวมอยู่ที่ 38.8 ปีเท่านั้น

ในส่วนของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อตอนชนะการเลือกตั้งและเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนมกราคมปี 2564 เขามีอายุ 78 ปี ถ้าอยู่ดำรงตำแหน่งครบ 4 ปี ก็จะมีอายุ 82 ปีในวันดำรงตำแหน่งครบเทอมแรก 

ก่อนหน้านั้น มีการประเมินทางการแพทย์ของไบเดนที่ออกมาในเดือนธันวาคม 2562 ช่วงที่เขาเริ่มหาเสียงเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง เควิน โอคอนเนอร์ (Kevin O'Connor) รองศาสตราจารย์ด้านการแพทย์จากมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ให้การรับรองว่า ไบเดนในขณะนั้น "แข็งแรง" มากพอที่จะเป็นประธานาธิบดีได้

จากประวัติด้านสุขภาพ เขาเคยใช้ Blood Thinner ซึ่งเป็นยาที่ช่วยให้เลือดไหลเวียนผ่านเส้นเลือดและหลอดเลือดแดงได้อย่างราบรื่น ช่วยป้องกันไม่ให้ลิ่มเลือดก่อตัวหรือใหญ่ขึ้น และยาสำหรับกรดไหลย้อน  คอเลสเตอรอล และโรคภูมิแพ้ตามฤดูกาล นอกนั้นในภาพรวม เขาดูดีมาก นอกจากนี้ เขายังไม่สูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งยังออกกำลังกาย 5 วันต่อสัปดาห์ นอกเหนือจากการเคยผ่าตัดไซนัสหลายครั้งแล้ว ไบเดนยังเคยผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกและมีการกำจัดมะเร็งผิวหนังที่ไม่ใช่เนื้องอกหลายชนิด

ประธานาธิบดีไบเดนความสูง 5 ฟุตสูง 11 นิ้ว น้ำหนัก 178 ปอนด์ ความดันโลหิต 128/84 เมื่อสมัยปี พ.ศ. 2552 เมื่อครั้งเป็นรองประธานาธิบดีสมัย บารัค โอบามา เขาเคยมีภาวะหัวใจห้องบนเริ่มเต้นผิดจังหวะเป็นครั้งคราว แต่เมื่อจะขึ้นเป็นประธานาธิบดีในปี 2564 เขาไม่มีอาการของภาวะหัวใจห้องบนอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ปัญหาความเสี่ยงด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นตามอายุโดยเฉพาะ "ความเสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์"นั้น โดยทั่วไปผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์หรือโรคสมองเสื่อมจากหลอดเลือดเพิ่มขึ้น 2 เท่าในทุกๆ 5 ปี

ผมยังไหว ไม่ต้องห่วง

ภาวะสมองเสื่อมดังกล่าวมีผลต่อ 1 ใน 14 คนที่มีอายุมากกว่า 65 ปีและมีผลต่อ 1 ใน 6 คนที่มีอายุมากกว่า 80 ปี แต่ปัจจัยที่ทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นสำหรับภาวะสมองเสื่อมจากหลอดเลือดเมื่อเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ มักมีสาเหตุหลักจากการสูบบุหรี่ การมีน้ำหนักตัวเกิน การขาดการออกกำลังกาย และโรคเบาหวาน กล่าวคือ รูปแบบการดำเนินชีวิต จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคสมองเสื่อมจากหลอดเลือด ซึ่งสำหรับโจ ไบเดนนั้น เขาคงทราบเรื่องนี้ดี และปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมตลอดมา แม้ว่าเขาเคยมีอาการสมองโป่งพอง 2 ข้างในปี 2531 ซึ่งได้รับการรักษา แพทย์ของเขายืนยันว่า สิ่งนี้ไม่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพของเขาในปัจจุบัน

ล่าสุด เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงรายงานของคณะแพทย์ ระบุว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ในวัย 80 ปี ยังคงมีสุขภาพแข็งแรง พร้อมปฏิบัติหน้าที่ผู้นำสหรัฐต่อไปได้ อีกทั้งยังไม่มีภาวะ “ลองโควิด” แม้จะเคยมีประวัติติดโควิด-19 เมื่อปี 2565

นพ.เควิน โอคอนเนอร์ แพทย์ประจำทำเนียบขาว ระบุในรายงานสรุปผลตรวจสุขภาพของปธน.ไบเดน เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2566 ว่า “ประธานาธิบดียังคงมีสุขภาพสมบูรณ์พร้อมต่อการปฏิบัติหน้าที่ และสามารถกระทำภารกิจต่างๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบได้โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ”

ทั้งนี้ ผลตรวจสุขภาพของผู้นำสหรัฐเป็นที่จับตามองมากเป็นพิเศษ เนื่องจากเขาประกาศจะลงสมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสมัยที่สองในปีหน้า (2567)

การตรวจสุขภาพโดยคณะแพทย์จากศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติ วอลเตอร์ รีด ที่เมืองเบเธสดา รัฐแมริแลนด์ ถือเป็นการตรวจสุขภาพแบบครอบคลุมครั้งที่ 2 ของไบเดน นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐเมื่อเดือน ม.ค.2564 โดยรายงานผลตรวจสุขภาพระบุว่า ไบเดนน้ำหนักลดลงไป 8 ปอนด์จาก 184 ปอนด์เมื่อปี 2564 เหลือเพียง 178 ปอนด์ (80.74 กิโลกรัม) ส่วนค่าดัชนีมวลกาย (body mass index) อยู่ที่ 24.1 และค่าความดันโลหิตอยู่ที่ 126/78

อย่างไรก็ดี รายงานไม่ได้บอกว่าผู้นำสหรัฐเข้ารับการตรวจวัดระดับความสามารถทางสติปัญญา (cognitive tests) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินสมรรถภาพผู้สูงอายุด้วยหรือไม่ เท่าที่ผ่านมา เขาเคยแสดงอาการหลงลืมบ้าง แต่แพทย์ยังเห็นว่า ไม่มีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่  

ไบเดนถือเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ และแม้เจ้าตัวจะปฏิเสธไม่ตอบคำถามเรื่องอายุ แต่ผลสำรวจความคิดเห็นพบว่า มีคนอเมริกันจำนวนไม่น้อยที่กังวลว่า “ความชรา” หรืออายุที่มากขึ้นของเขา จะบั่นทอนศักยภาพในการเป็นผู้นำสหรัฐต่ออีก 4 ปี หากเขาเกิดชนะศึกเลือกตั้งสมัยที่สองในปีหน้าขึ้นมา

แม้อายุมากจะหมายถึงประสบการณ์ที่สั่งสมมากขึ้น รวมถึงการมีมุมมองที่กว้างไกลและการเข้าใจโลก แต่นั่นก็พ่วงมากับปัจจัยทางสังขารที่ทำได้เพียงบำรุงรักษาและประคับประคองเท่านั้นเอง     

ข้อมูลอ้างอิง