จีนแถลงเดือดกรณีผู้นำไต้หวันพบประธานสภาฯสหรัฐ พร้อมโต้ทุกการยั่วยุ 

07 เม.ย. 2566 | 15:09 น.
อัปเดตล่าสุด :07 เม.ย. 2566 | 16:23 น.

รัฐบาลจีนออกแถลงการณ์ตอบโต้กรณีผู้นำไต้หวันแวะพักต่อเครื่องในสหรัฐ และพบประธานสภาผู้แทนฯ ถือเป็นการกระทำอันยั่วยุ ลั่นพร้อมปกป้องนโยบายจีนเดียว


โฆษกประจำ สำนักงานกิจการไต้หวัน แห่ง คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ออกแถลงการณ์วานนี้ (6 เม.ย.)เกี่ยวกับการพบปะกันระหว่าง ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน และ นายเควิน แมคคาธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่นางไช่แวะพักต่อเครื่องที่แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา หลังเสร็จสิ้นการเยือนอเมริกากลาง โดยจีนระบุว่า การกระทำดังกล่าวของไต้หวันและสหรัฐถือเป็นการกระทำอันยั่วยุ

เนื้อหาทั้งหมดของแถลงการณ์สะท้อนความไม่พอใจของจีน และท่าทีที่มีต่อเรื่องดังกล่าว ดังนี้

นางไช่ อิงเหวิน ผู้นำเกาะไต้หวัน ได้พบปะกับนายเควิน แมคคาธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐระหว่าง "การแวะพักต่อเครื่อง"ในสหรัฐของนางไช่ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งการเคลื่อนไหวอันยั่วยุจากเจ้าหน้าที่ของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า(DPP)ของไต้หวันในการสมรู้ร่วมคิดกับสหรัฐ และ"ยึดมั่นในการสนับสนุนของสหรัฐในการแสวงหาเอกราช"

จีนแสดงการคัดค้านอย่างหนักแน่น ตลอดจนจะดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อลงโทษกองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่แสวงหา "เอกราชของไต้หวัน" และพฤติกรรมของพวกเขาเหล่านั้น รวมถึงจะคุ้มครองอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีนอย่างแน่วแน่

บางครั้งเจ้าหน้าที่ของพรรค DPP ได้ตัดสินสถานการณ์อย่างผิดพลาด โดยคิดว่าการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐจะมอบโอกาสสำหรับ "การเกาะยึดมั่นกับการสนับสนุนจากสหรัฐในการแสวงหาเอกราช" และได้ซ่องสุมรวมตัวกับกลุ่มกองกำลังภายนอกอย่างก้าวร้าว พวกเขาตกอยู่ภายใต้ภาพลวงที่ว่าการยึดมั่นกับสหรัฐจะช่วยให้พวกเขาสามารถดำเนินความพยายามอันยั่วยุปลุกปั่นอย่างมิละอายแก่ใจได้เต็มที่ เพื่อแสวงหา "เอกราช" และบ่อนทำลายผลประโยชน์ของชาติจีน ดังนั้น"การแวะพักต่อเครื่อง"ของไช่ อิงเหวิน จึงไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าการปกปิดแผนการแสวงหา "เอกราช"

นอกจากนี้ การบรรลุการรวมชาติอย่างสมบูรณ์ของจีนเป็นปณิธานร่วมของลูกหลานชาวจีนทุกคนและเป็นส่วนสำคัญของการฟื้นฟูชาติ โดยจีนต้องการและจะได้รับการรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างแน่นอน กองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่แสวงหา "เอกราชไต้หวัน" จะหยุดวงล้อแห่งประวัติศาสตร์ได้อย่างไร เพราะนางไช่และเจ้าหน้าที่พรรค DPP ได้วางตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่ผิดพลาดในเรื่อง "เอกราชไต้หวัน" และทำตัวเป็นเครื่องมือของกองกำลังต่อต้านจีนในสหรัฐเพื่อยับยั้งจีน ด้วยแรงจูงใจอันเห็นแก่ตัว

อย่างไรก็ตาม การกระทำของพวกเขามิอาจเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน รังแต่จะผลักไสไต้หวันสู่หุบเหวแห่งสงคราม และนำพาความทุกข์ยากสู่เพื่อนร่วมชาติชาวไต้หวัน

โลกนี้มีเพียงจีนเดียว และไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน หลักการจีนเดียวเป็นบรรทัดฐานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและฉันทมติที่ได้รับการยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศ การแก้ไขปัญหาไต้หวันจึงเป็นเรื่องของประชาชนจีนและกิจการภายในของจีน และจีนจะไม่อดทนกับการแทรกแซงจากภายนอก

ฝ่ายสหรัฐสร้างความกำกวมและช่องโหว่ต่อหลักการจีนเดียวอย่างต่อเนื่อง และละเมิดข้อผูกพันทางการเมืองที่กำหนดอยู่ในแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐ ทั้ง 3 ฉบับอย่างร้ายแรง

นอกจากนี้ สหรัฐแสดงการกระทำและวาทะเกี่ยวกับปัญหาไต้หวันอย่างผิดพลาดซ้ำไปซ้ำมา และส่งสัญญาณที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงต่อกองกำลังที่แสวงหา"เอกราชไต้หวัน"แต่ไม่ว่าการกระทำใด ๆ จากกองกำลังต่อต้านจีนในสหรัฐที่ "ใช้ไต้หวันมายับยั้งจีน"หรือ"ยับยั้งจีนด้วยการสนับสนุนไต้หวัน"ย่อมมิอาจหยุดกระบวนการรวมชาติครั้งประวัติศาสตร์ของจีน

ทั้งนี้ จีนกระตุ้นเตือนเจ้าหน้าที่พรรค DPP ให้ละเลิกแผนการแบ่งแยกดินแดนที่แสวงหา "เอกราชไต้หวัน"อย่างสิ้นเชิง และยุติการถลำลึกบนเส้นทางของ "การยึดมั่นต่อการสนับสนุนจากสหรัฐเพื่อแสวงหาเอกราช"จนไปสู่จุดที่มิอาจหวนกลับ โดยกิจกรรมใด ๆ ที่แสวงหา"เอกราชไต้หวัน" จะถูกทำลายด้วยพลังอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรของประชาชนจีนที่ต่อต้านการแยกตัวและส่งเสริมการรวมชาติ

ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน และนายเควิน แมคคาธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ

รายงานข่าวระบุว่า นายแมคคาร์ธีย์ ถือเป็นผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติคนแรกของสหรัฐที่ได้พบกับประธานาธิบดีไต้หวันบนผืนดินสหรัฐในรอบ 44 ปี หรือนับตั้งแต่รัฐบาลวอชิงตันยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลไทเปเมื่อปี ค.ศ. 1979

แต่รูปแบบอันเป็นทางการของการประชุมเมื่อวันพุธ (5 เม.ย.) ผนวกกับระดับความอาวุโสของสมาชิกสภาคองเกรสบางรายที่ร่วมหารือกับผู้นำรัฐบาลไทเป น่าจะทำให้จีนมองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการยกระดับการยั่วยุและความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ตกต่ำเป็นประวัติการณ์ไปแล้ว แม้รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะยืนยันว่า การเยือนสหรัฐของปธน.ไช่ อิงเหวินนั้น ไม่ใช่ประเด็นการยั่วยุแต่อย่างใด

อย่างไรก็ดี จีนยังไม่ได้ดำเนินการทางทหารใด ๆ เพื่อตอบโต้ไต้หวันเหมือนที่เกิดขึ้นในปีที่แล้ว (2565) เช่น การส่งเครื่องบินรบ 71 ลำและเรือรบ 7 ลำไปวนรอบไต้หวัน เพื่อแสดงความไม่พอใจ ทั้งนี้ ในส่วนของการประชุมระหว่างปธน.ไช่ และประธานสภาฯ แมคคาร์ธีย์ นั้น ทั้งสองพยายามใช้คำพูดอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้รัฐบาลปักกิ่งขุ่นเคืองมากไปกว่าที่เป็นอยู่ 

ประธานสภาล่างสหรัฐกล่าวว่า “การสนับสนุนของอเมริกาต่อประชาชนของไต้หวันจะยังมั่นคงแน่วแน่ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง และมาจากสมาชิกของสองพรรคใหญ่เสมอ” ขณะที่ผู้นำไต้หวันกล่าวว่า แรงสนับสนุนอันมั่นคงของสหรัฐ ทำให้ประชาชนของไต้หวันมั่นใจว่าจะไม่ถูกโดดเดี่ยว

ทั้งสองยังได้พูดถึงความสำคัญของการป้องกันตนเองของไต้หวัน การส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง และสหรัฐจะให้การสนับสนุนรัฐบาลไทเปให้เป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลกต่อไปด้วย