"วันสตรีสากล" ท่ามกลางสงคราม และเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง

08 มี.ค. 2566 | 21:27 น.
อัปเดตล่าสุด :09 มี.ค. 2566 | 12:54 น.

"วันสตรีสากล" หรือ International Women's Day ถือเป็นวันสำคัญเพื่อยกย่องศักยภาพของผู้หญิง เราจะได้เห็นภาพการรณรงค์ และทำกิจกรรมต่างๆของคนทั่วโลก แม้บทบาทของผู้หญิงมีมากขึ้นในทุกวงการ แต่"ภาวะสงคราม"ทำให้สิทธิของผู้หญิงถูกริดรอนเพิ่มขึ้น

เป็นเวลากว่าศตวรรษที่ผู้คนทั่วโลกกำหนดให้วันที่ 8 มีนาคมเป็นวันพิเศษสำหรับผู้หญิง ประกาศโดยองค์การสหประชาชาติ (UN)

จุดเริ่มต้นของวันสตรีสากล ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 1908 ในสหรัฐ เมื่อกลุ่มแรงงานหญิงนับหมื่นคน เดินขบวนไปทั่วนิวยอร์ก เพื่อเรียกร้องชั่วโมงการทำงานที่น้อยลง ค่าจ้างสูงขึ้น 1 ปีต่อมาสหรัฐ ได้ประกาศ “วันสตรีแห่งชาติ” เป็นครั้งแรก 

จากนั้นก็เริ่มกลายเป็นวันสำคัญระดับโลก หลังถูกเสนอต่อที่ประชุมนานาชาติของสตรีวัยทำงาน ในกรุงโคเปนเฮเกน ฮังการี จากนั้นในปี 1996 องค์การสหประชาชาติ (UN) ประกาศธีมการเฉลิมฉลองเป็นครั้งแรก นั่นคือ "เฉลิมฉลองอดีต วางแผนเพื่ออนาคต"

หัวข้อหลักวันสตรีสากลปีนี้ 

หัวข้อหลักปีนี้ โดย องค์การสหประชาชาติ (UN) คือ "DigitALL: นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความเท่าเทียมทางเพศ" เพื่อส่งเสริมให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมในเทคโนโลยีและการศึกษาออนไลน์มากขึ้น

องค์การสหประชาชาติ ประเมินว่า ในกลุ่มประเทศรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง หากผู้หญิงขาดการเข้าถึงโลกออนไลน์ จะทำให้สูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2025 หากไม่ดำเนินการใดๆ

ปีนี้ยังมีหัวข้อหลักอื่น คือ  #EmbraceEquity หรือ โอบกอดความเท่าเทียม เพื่อสื่อสารว่าทำไมคนเราจึงไม่ได้รับความเท่าเทียมอย่างทั่วถึง แม้เราทุกคนมีจุดเริ่มต้นในชีวิตแตกต่างกัน แต่การอยู่ร่วมกันได้จำเป็นต้องได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมด้วย ปีนี้ยัง"ท้าทายรูปแบบของเพศสภาพ”  มีการเรียกร้อง ไม่ให้เลือกปฏิบัติ สร้างอคติ และการเหมารวมต่อผู้หญิง

ธรรมเนียมปฏิบัติคนทั่วโลกในวันสตรีสากล

  • วันสตรีสากลเป็นวันหยุดประจำชาติในหลายประเทศ รวมถึงรัสเซีย ซึ่งยอดขายดอกไม้เพิ่มขึ้นสองเท่าในช่วง 3 หรือ 4 วัน ในช่วงวันที่ 8 มีนาคม
  • ในจีน ผู้หญิงจำนวนมากได้หยุดงานครึ่งวันในวันที่ 8 มีนาคม ตามคำแนะนำของสภาแห่งรัฐ
  • ในอิตาลี วันสตรีสากลหรือ la Festa della Donna มีการเฉลิมฉลองด้วยการมอบ “ดอกมิโมซ่า” ที่มาของประเพณีนี้ไม่ชัดเจน แต่เชื่อกันว่าเริ่มขึ้นในกรุงโรม หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
  • ในสหรัฐอเมริกา เดือนมีนาคมเป็นเดือนแห่งประวัติศาสตร์สตรี ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีที่ออกทุกปีเพื่อเป็นเกียรติแก่ความสำเร็จของสตรีอเมริกัน

สถานการณ์ผู้หญิงทั่วโลกช่วงปีที่ผ่านมา

ปีที่ผ่านมา ผู้หญิงหลายประเทศ เช่น อัฟกานิสถาน อิหร่าน ยูเครน และสหรัฐฯ ออกมาต่อสู้เพื่อสิทธิของตนเอง ท่ามกลางสงคราม ความรุนแรง และการเปลี่ยนแปลงนโยบายในประเทศของตน

อัฟกานิสถาน

การกลับมามีอำนาจของกลุ่มตาลีบัน ได้ขัดขวางความก้าวหน้าด้านสิทธิมนุษยชน และกระทบต่อสิทธิของผู้หญิงโดยตรง ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงถูกห้ามไม่ให้มีการศึกษาสูงๆ ทำงานส่นอกบ้าน เดินทางไกลโดยไม่มีผู้ชายนำทาง และพวกเขาได้รับคำสั่งให้ปกปิดใบหน้าในที่สาธารณะ

อิหร่าน 

การประท้วงเกิดขึ้นหลังการเสียชีวิตของ “มาห์ซา อามินี” หญิงสาววัย 22 ปี ที่ถูกจับกุมโดยตำรวจศีลธรรมในกรุงเตหะราน เมื่อวันที่ 13 กันยายน  2565 เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎที่เข้มงวดของอิหร่านที่กำหนดให้ผู้หญิงต้องคลุมผมด้วยผ้าพันคอ

ตั้งแต่นั้นมา การเดินขบวนยังคงดำเนินต่อไปทั่วประเทศ ชาวอิหร่านจำนวนมากทั้งหญิงและชาย ออกมาเรียกร้องสิทธิของผู้หญิง และให้เปลี่ยนผู้นำคนในปัจจุบัน หลายครั้งการประท้วงยกระดับเป็น "จลาจล" ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 500 คน


สงครามรัสเซีย-ยูเครน

หลังรัสเซียบุกยูเครน เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2565 องค์การสหประชาชาติ รายงานว่า ช่องว่างระหว่างเพศ ความไม่มั่นคงทางอาหาร ภาวะทุพโภชนาการ ความยากจน และความรุนแรงทางเพศเพิ่มขึ้นในยูเครนและทั่วโลก และนับวันยิ่งเลวร้ายลง จากการเพิ่มขึ้นของราคาและการขาดแคลนที่เกิดจากสงคราม 

 

“บทบาทผู้หญิงต่อโลก”ที่หลายคนไม่เคยรู้

1.การเติบโตทางเศรษฐกิจจะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับจำนวนผู้หญิงที่ได้รับการศึกษา  ข้อมูลพบว่ากว่า 34 ประเทศ การศึกษาของผู้หญิงและเด็กผู้หญิงส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตได้ถึง 50% 

2.ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากคลอดบุตรในขณะอายุยังน้อย มากกว่าสาเหตุจากสงคราม ความอดอยาก และภัยธรรมชาติอื่นๆ  และถือเป็นสาเหตุการตายอันดับ 2 ของผู้หญิงที่อายุระหว่าง 15 ถึง 19 ปีทั่วโลก  จากข้อมูลปี 2552 พบว่า เด็กผู้หญิงกว่า 60 ล้านคนถูกบังคับให้แต่งงานตั้งแต่เด็กทุกปี 

3.ผู้หญิงกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในองค์กรทั่วโลกอย่างช้าๆ มีข้อมูลพบว่าในปี 2012 ผู้หญิงมีตำแหน่งผู้นำองค์กรสัดส่วนถึง15.1% 

4.ผู้ที่มีไอคิว หรือความฉลาดทางปัญญา สูงที่สุดในโลก 2 อันดับแรกเป็นผู้หญิง  อันดับ 1 คือ แมริลีน วอส ซาวอนท์ บรรณาธิการนิตยสาร นักเขียนบทละคร นักเขียน และวิทยากรชาวอเมริกัน ชื่อของเธอได้รับการบันทึกไว้ใน Guinness Book of World Records ว่ามีความฉลาดทางสติปัญญาสูงที่สุดในโลก  ไอคิวของเธอบันทึกไว้ที่ 228

5.ผู้หญิงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสิ่งประดิษฐ์ที่มีคุณประโยชน์ต่อโลกหลายชนิด เพียงแค่ไม่ถูกพูดถึง เช่น  แมรี แอนเดอร์สัน คิดค้นที่ปัดน้ำฝนในปี 1903 นอกจากนี้ ผู้หญิงยังเป็นผู้คิดค้นผ้าอ้อมสำเร็จรูป ถุงกระดาษ กระจกไม่สะท้อนแสง ถังขยะแบบเหยียบ และเครื่องล้างจาน ขณะที่ โปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์คนแรกของโลกเป็นผู้หญิง ชื่อ เอดา เลิฟเลซ ชาวอังกฤษ

 

ที่มา : bbcstylecraze