สื่อจีนเปิดผลหารือไทย “สี จิ้นผิง” ย้ำประชาชนของทั้ง 2 ประเทศคือพี่น้องกัน

20 พ.ย. 2565 | 14:39 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ย. 2565 | 21:56 น.
1.8 k

สื่อจีนเปิดผลหารือทวิภาคีจีน-ไทย “สี จิ้นผิง” ย้ำประชาชนของทั้ง 2ประเทศคือพี่น้องกัน ควรไปเยี่ยมเยียนกันบ่อยๆ ในฐานะญาติ พร้อมเปิดกว้างสนับสนุนซึ่งกันและกันเกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศ เพื่ออนาคตร่วมกัน

 

พลโท ดร.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ สำเร็จการศึกษาด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ จากมหาวิทยาลัยป้องกันประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ประมวลและนำเสนอข้อมูลในเว็บไซต์ทางการจีนเกี่ยวกับประเด็นสำคัญที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวในการหารือทวิภาคีระหว่างจีน-ไทย กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย ที่ทำเนียบรัฐบาล ในกรุงเทพฯ เมื่อตอนเที่ยงวันที่ 19 พ.ย.2565


โดยทั้งสองฝ่ายประกาศว่า จะสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้นโดยมีอนาคตร่วมกัน  

 

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แสดงความยินดีที่ไทยประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และเน้นย้ำว่า มิตรภาพระหว่างจีนและไทยมีมายาวนานนับพันปี และประชาชนของทั้งสองประเทศคือพี่น้องกัน 


กว่า 10 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่จีนและไทยได้จัดตั้งหุ้นส่วนความร่วมมือทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน มิตรภาพดั้งเดิมระหว่างทั้งสองประเทศก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านก็แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และความสัมพันธ์ทวิภาคีได้เข้าสู่ขั้นตอนใหม่ของการพัฒนา 


จีนให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทย ยืนอยู่ที่จุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์ใหม่ จีนยินดีที่จะสานต่อมิตรภาพพิเศษของ "จีนและไทยในฐานะครอบครัวเดียวกัน" กับประเทศไทย สร้างประชาคมจีน-ไทยที่มั่นคงยิ่งขึ้น มั่งคั่งยิ่งขึ้น และยั่งยืนยิ่งขึ้นในอนาคตร่วมกัน โดยมอบ " จีนและไทยเป็นครอบครัวเดียวกัน” ด้วยความหมายใหม่ของยุคสมัยที่จะนำความสัมพันธ์จีน-ไทย ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์มากขึ้นแก่ประชาชนทั้งสองประเทศ


ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ชี้ว่า ทั้งสองฝ่ายควรไปเยี่ยมเยียนกันบ่อยๆ ในฐานะญาติ และยังคงสนับสนุนซึ่งกันและกันในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์หลักรวมทั้งข้อกังวลหลักของกันและกัน


 ทั้งสองฝ่ายควรปฏิบัติตาม "แผนปฏิบัติการร่วมความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์จีน-ไทย" ระยะเวลา ๕ ปีข้างหน้า และจัดทำแผนโดยรวมเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จมากขึ้น มีความจำเป็นที่จะต้องเชื่อมโยงยุทธศาสตร์การพัฒนาของตนอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการสร้างสรรค์ร่วมกันที่มีคุณภาพสูงของ "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง" เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง 

                                ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร่วมหารือทวีภาคี ที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ  


ทั้งสองฝ่ายควรกระชับความร่วมมือในสาขาดั้งเดิม เช่น การลงทุน การค้า การท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน และนิคมอุตสาหกรรม และในขณะเดียวกันก็ปลูกฝังจุดเติบโตใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าในเชิงบวกต่อความร่วมมือในสาขาใหม่ ๆ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล รถยนต์พลังงานใหม่ และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี 


มีความจำเป็นต้องเร่งความร่วมมือรถไฟไตรภาคีระหว่างจีน ลาว และไทย ส่งเสริม "แนวคิดการพัฒนาร่วมสามฝ่ายระหว่างจีน-ลาว-ไทย" อย่างแข็งขัน โดยมุ่งเน้นที่การเสริมสร้าง "การเชื่อมต่อ" ของโครงสร้างพื้นฐาน ทำงานได้ดีใน "การเชื่อมต่อของพิธีการศุลกากรด้านโลจิสติกส์รวมทั้งขยายการส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าปลีกย่อยคุณภาพสูงจากไทยไปจีน 


จีนยินดีที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่าย รวมทั้งไทย เพื่อดำเนินการตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอย่างมีคุณภาพ การจัดการเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก 


เพิ่มความพยายามในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดนและกระชับความร่วมมือในการติดตามผู้หลบหนีและสินค้าที่ถูกโจรกรรม เสริมสร้างความร่วมมือในด้านการศึกษา การรักษาพยาบาล การบรรเทาความยากจนและด้านอื่น ๆ ของการดำรงชีวิตของประชาชน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการลดความยากจนและการพัฒนาด้วยวิธีการต่าง ๆ 


ส่งเสริมความร่วมมือในเชิงลึกและเชิงปฏิบัติระหว่างทั้งสองประเทศในการบรรเทาความยากจน โครงการภาคปฏิบัติที่ใกล้ชิดประชาชนและรับใช้ประชาชนระดับรากหญ้า จำเป็นต้องเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนเยาวชน นำประชาชนทั้งสองให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นและลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อเสริมสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน 


ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนยินดีกระชับความร่วมมือกับไทยในกิจการระหว่างประเทศ และพยายามในเชิงบวกเพื่อร่วมกันส่งเสริมสันติภาพที่ยั่งยืนและการพัฒนาระยะยาวในโลก 


จีนยินดีเสริมสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความร่วมมือกับไทยและประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ให้ความสำคัญกับการเร่งผลักดันใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างจีน-อาเซียน 


ประเทศไทยกำลังจะเข้ารับตำแหน่งประธานร่วมของความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง และจีนยินดีที่จะทำงานร่วมกับประเทศในลุ่มน้ำโขงเพื่อส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสูงของความร่วมมือในอนุภูมิภาค 


โดยผู้นำของทั้งสองประเทศร่วมกันเป็นสักขีพยานในการลงนามในเอกสารความร่วมมือและความตกลงจำนวน 5 ฉบับ ได้แก่


1. แผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ไทย-จีน ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ฉบับที่ 4 (พ.ศ.2565-2569)


2.. แผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วย การร่วมกันส่งเสริมเส้นทางเศรษฐกิจสายไหมและเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21


3. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทย กับ กระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน


4. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน


5. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการก่อตั้งคณะทำงานความร่วมมือด้านการลงทุนและเศรษฐกิจ ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับ กระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน


นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้ออก "แถลงการณ์ร่วมจีน-ไทยว่าด้วยการสร้างประชาคมที่มั่นคงยิ่งขึ้น มั่งคั่งยิ่งขึ้น และยั่งยืนยิ่งขึ้นด้วยอนาคตร่วมกัน"

 

( ข้อมูลจากเว็บไซต์ http://www.gov.cn/xinwen/2022-11/19/content_5727899.htm )