สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในระหว่างการประชุมเศรษฐกิจตะวันออก (Eastern Economic Forum) ณ เมืองวลาดิวอสต็อก ประเทศรัสเซีย ปธน.ปูตินได้กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรได้กลายเป็นภัยคุกคามหลักต่อเศรษฐกิจโลกแทนที่การแพร่ระบาดของโควิด-19
"ผมกำลังพูดถึงมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก ด้วยความพยายามที่ก้าวร้าวและหน้าไม่อายในการกำหนดพฤติกรรมของประเทศอื่น เพื่อมุ่งริดรอนอำนาจอธิปไตยและทำให้ประเทศต่าง ๆ ต้องยอมสยบ" ปธน.ปูติน กล่าว
เขากล่าวเสริมว่า ชาติตะวันตกพยายามยัดเยียดความต้องการของตัวเองให้กับทั่วโลก แต่อำนาจที่เคยมีกำลังเสื่อมลง เพราะตอนนี้ความเจริญรุ่งเรืองมาอยู่ที่เอเชียแล้ว
วลาดิเมียร์ ปูติน ระบุว่า ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจย้อนกลับได้ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ภูมิภาคที่มีพลวัตและมีอนาคตสดใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กำลังมีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ปูติน ยังระบุว่า "เป็นไปไม่ได้" ที่จะโดดเดี่ยวรัสเซีย และรัสเซียจะต่อต้านความพยายามของชาติตะวันตกที่ต้องการผลักไสรัสเซียออกจากเวทีโลก
รัสเซียมองเห็นโอกาสมากขึ้นในการเข้าทำตลาดในตะวันออกกลางและอิหร่าน หลังจากที่ถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตรกรณีที่รัสเซียเข้าไปปฏิบัติการทางทหารในยูเครน
ปูติน ยอมรับว่า มาตรการคว่ำบาตรของเยอรมนีและชาติตะวันตกเป็นสาเหตุของการระงับการจัดส่งก๊าซให้กับยุโรปผ่านท่อนอร์ดสตรีม 1 ขณะที่ ยูเครนและโปแลนด์เป็นฝ่ายตัดสินใจด้วยตนเองที่จะปิดเส้นทางส่งก๊าซอื่น ๆ ไปยังยุโรป
ปูตินเสริมว่า บริษัทก๊าซพรอมสามารถกลับมาจัดส่งก๊าซผ่านทางท่อนอร์ดสตรีม 1 หากรัสเซียได้รับอะไหล่กังหันลมที่ส่งซ่อมในแคนาดากลับคืนมา
ก่อนหน้านี้ รัสเซียอ้างว่าปัญหาเรื่องการจัดส่งก๊าซให้ยุโรปนั้นเกิดจากความล่าช้าในการส่งคืนอุปกรณ์ที่มีการซ่อมแซมในแคนาดา โดยการส่งมอบชิ้นส่วนดังกล่าวมีความล่าช้า เพราะมาตรการคว่ำบาตรของนานาประเทศ