'อองซาน ซูจี' เจอคุกอีก 3 ปีคดีโกงเลือกตั้ง หลังโดน 6 ปีคดีคอร์รัปชัน

02 ก.ย. 2565 | 14:18 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ก.ย. 2565 | 12:54 น.

สื่อต่างประเทศรายงานอ้างอิงแหล่งข่าวเผย "อองซาน ซูจี" ถูกตัดสินโทษจำคุกอีก 3 ปีคดีโกงการเลือกตั้ง หลังจากเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพิ่งถูกตัดสินจำคุก 6 ปีจากคดีทุจริตคอร์รัปชัน 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า ศาลเมียนมา มีคำพิพากษาในวันนี้ (2 ก.ย.) ว่า นางอองซาน ซูจี อดีตที่ปรึกษาแห่งรัฐของรัฐบาลเมียนมา และหัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) มีความผิดจริงใน คดีโกงการเลือกตั้ง จึงตัดสินให้นางซูจีรับ โทษจำคุก เป็นเวลา 3 ปี พร้อมใช้แรงงานหนักในวัย 77 ปี 


รายงานระบุว่า นางซูจี อดีตผู้นำเมียนมาโดยพฤตินัย ถูกโค่นอำนาจและควบคุมตัวนับตั้งแต่กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารในเดือนก.พ. 2564 โดยนางซูจีถูกตัดสินว่ามีความผิดมาแล้วในหลายคดี ซึ่งรวมถึงคดีทุจริต และการยุยงปลุกปั่นเพื่อให้เกิดความไม่สงบภายในประเทศ

อองซาน ซูจี อดีตที่ปรึกษาแห่งรัฐ และหัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD)

ทั้งนี้ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (15 ส.ค.) ศาลในกรุงเนปิดอว์ เพิ่งมีคำตัดสินว่า นางซูจี หัวหน้าพรรค NLD ซึ่งเป็นอดีตพรรครัฐบาล กระทำความผิดจริงในข้อหาคอร์รัปชันอีก 4 กระทง จากการใช้อำนาจในฐานะที่ปรึกษาแห่งรัฐทำให้มูลนิธิ ดอว์ ขิ่น จี ที่ตั้งตามชื่อแม่ของนางซูจี สามารถเช่าพื้นที่สำนักงานในนครย่างกุ้งด้วยราคาต่ำกว่าตลาด ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ 3.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

นอกจากนี้ คำพิพากษายังระบุว่า นางซูจีช่วยให้มูลนิธิฯ ซื้อที่ดินในกรุงเนปิดอว์เพื่อตั้งโรงเรียนฝึกอาชีพและเกษตรกรรม ด้วยราคาต่ำกว่าตลาด ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ 11.5 ล้านดอลลาร์ ศาลจึงสั่งให้นางซูจีรับโทษจำคุก 3 ปีในแต่ละความผิดทั้ง 4 กระทง โดย 3 กระทงเกี่ยวข้องกับคดีที่ดินในเนปิดอว์ให้รับโทษพร้อมกัน และรับโทษอีก 3 ปีในคดีที่ดินในย่างกุ้ง จึงรับโทษรวมเป็น 6 ปี อย่างไรก็ตาม เธอปฏิเสธทุกข้อหา และทนายอาจยื่นอุทธรณ์

การพิจารณาคดีดังกล่าวจัดขึ้นเป็นการลับ ไม่ให้สื่อหรือสาธารณชนเข้าไปรับฟัง และทนายความของเธอยังถูกห้ามเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการทางศาลด้วย

 

ก่อนหน้าการตัดสินคดี 2 ครั้งหลังสุดนี้ นางซูจีได้ถูกตัดสินให้รับโทษรวม 11 ปีแล้ว จากข้อหาปลุกปั่น คอร์รัปชัน และอื่น ๆ นับจากเธอถูกกองทัพก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 และโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนที่พรรคของเธอเป็นแกนนำ