ผีน้อยไทยเป็นเหตุ สื่อท้องถิ่นยัน เกาหลีใต้กำลังทบทวนใช้ K-ETA กับเกาะเชจู

12 ส.ค. 2565 | 06:38 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ส.ค. 2565 | 14:10 น.
1.7 k

รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังพิจารณานำระบบขออนุญาตการเดินทางผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ K-ETA กลับมาใช้สำหรับผู้เดินทางเข้าเกาหลีใต้ทางเกาะเชจู (Jeju) อีกครั้ง เพื่อสกัดกั้นบรรดา "ผีน้อย" ผู้ลักลอบพำนักและทำงานแบบผิดกฎหมาย ที่อาละวาดหนักข้อยิ่งขึ้นในระยะหลังๆ นี้

เดอะ โคเรีย เฮอรัลด์ สื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้รายงานว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ อาจจะนำ ระบบขออนุญาตการเดินทางผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่รู้จักกันในนาม K-ETA (ในชื่อเต็มว่า Korea Electronic Travel Authorization) กลับมาใช้กับการเดินทางเข้าเกาหลีใต้ทาง เกาะเชจู (Jeju) อีกครั้ง หลังเกิดกรณีนักท่องเที่ยวไทยลักลอบพำนักเกินกว่ากำหนดและทำงานในเกาหลีใต้แบบผิดกฎหมายจำนวนมากยิ่งขึ้น

 

ทั้งนี้ โฆษกของกระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ได้ออกมายืนยันข่าวดังกล่าวโดยระบุว่ารัฐบาลกำลังมีแผนจะนำระบบ K-ETA มาใช้สำหรับการเดินทางเข้าเกาะเชจู ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม แต่ในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเก็บรวบรวมความคิดเห็นรอบด้านจากตัวแทนภาคส่วนต่าง ๆที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ก่อนที่จะตัดสินใจในขั้นสุดท้าย

เกาหลีใต้ได้นำระบบขออนุญาตการเดินทางผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (K-ETA) สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องขอวีซ่าสำหรับการเดินทางมายังเกาหลีใต้ในระยะสั้น มาใช้ตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว (2564) ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องกรอกแบบฟอร์ม K-ETA ทางออนไลน์และขอรับอนุญาตการเดินทาง ตั้งแต่ก่อนออกเดินทางมายังเกาหลีใต้ แต่ระบบดังกล่าวนี้ ได้รับการยกเว้นสำหรับผู้ที่เดินทางมายังเกาะเชจูตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา กระทั่งเร็ว ๆนี้ มีการพิจารณาทบทวนว่าอาจต้องนำระบบ K-ETA กลับมาใช้กับเกาะเชจูอีกครั้งหลังจากที่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนมาก ใช้ช่องโหว่ของการไม่ต้องผ่านการคัดกรองของระบบ K-ETA ลักลอบพำนักในเกาหลีใต้เกินกว่ากำหนดและแอบทำงานโดยผิดกฎหมาย กลายเป็นกลุ่มบุคคลที่เรียกว่า “ผีน้อย” ซึ่งต้องหลบๆซ่อนๆ ใช้ชีวิตและลักลอบทำงานอยู่ที่นั่น

 

จากสถิติของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีใต้พบว่า เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวไทย 280 คนเดินทางเข้าเกาหลีใต้ และในจำนวนนี้มี 55 คนหลบหนีหายไป เป็นที่ชัดเจนว่า ผู้ลักลอบพำนักในเกาหลีใต้โดยผิดกฎหมายจำนวนมากนั้น เลือกใช้เกาะเชจูเป็นประตูในการเข้าสู่ประเทศเกาหลีใต้เพราะไม่ต้องถูกคัดกรองผ่านระบบ K-ETA ทำให้รัฐบาลเกาหลีใต้จ้องตรวจสอบนักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ

ผู้ลักลอบพำนักและทำงานแบบผิดกฎหมายจำนวนมาก เลือกใช้เกาะเชจูเป็นประตูในการเข้าสู่ประเทศเกาหลีใต้

ข้อมูลของทางการเกาหลีใต้ยังระบุด้วยว่า นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา มีคนไทยพำนักอยู่ในเกาหลีใต้ประมาณ 151,468 คน และในจำนวนนี้ราว 180,000 คนเป็น “ผีน้อย” ที่ลักลอบพำนักและทำงานในเกาหลีใต้แบบผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ประมาณ 80% ของคนไทยในเกาหลีใต้ถือวีซ่านักท่องเที่ยว ล่าสุดวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (7 ส.ค.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 417 คนจากทั้งหมด 697 คนที่มาถึงเกาหลีใต้ตั้งแต่วันที่ 2-5 ส.ค.ที่ผ่านมา ถูกปฏิเสธการเข้าเมืองเนื่องจากพวกเขามีวัตถุประสงค์การเดินทางที่ไม่ชัดเจน นอกจากนี้ ในจำนวนผู้ที่ถูกปฏิเสธการเข้าเมืองครั้งนี้ มี 367 คนเคยถูกปฏิเสธการเข้าเกาหลีใต้ผ่านระบบ K-ETA มาก่อนแล้ว     

 

ทางด้าน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล (Royal Thai Embassy, Seoul) ได้โพสต์ทางเพจในเฟซบุ๊กเผยแพร่เอกสาร “ข้อควรรู้ก่อนเดินทางไปท่องเที่ยวเกาหลีใต้” สำหรับชาวไทย เผยแพร่ ณ วันที่ 9 ส.ค. มีใจความเตือนเกี่ยวกับการเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้เอาไว้ว่า  

 

นับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 เป็นต้นมา ผู้ถือหนังสือเดินทางบุคคลธรรมดาของไทย สามารถเดินทางไปเที่ยวเกาหลีใต้ เป็นระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน โดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตรา อย่างไรก็ดี ผู้เดินทางต้องดำเนินการตามแนวปฏิบัติของทางการเกาหลีใต้ล่วงหน้าก่อนเดินทางไปเกาหลีใต้ ดังนี้

 

1. ขอรับเอกสาร Korea Electronic Travel Authorization (K-ETA) ซึ่งต้องกรอกแบบฟอร์มสมัครของ K-ETA ของกระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ ทางระบบออนไลน์ https://www.k-eta.go.kr/portal/apply/index.do และต้องรอให้ได้รับอนุมัติก่อน จึงจะเช็คอินเพื่อขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางไปเกาหลีใต้

 

2. ขอ Q-Code ทางระบบออนไลน์ โดยผู้เดินทางต้องกรอกรายละเอียดการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตลอดจนผลตรวจ แบบATK ที่ผลออกไม่เกิน 24 ชม. หรือแบบ RT-PCR ผลไม่เกิน 48 ชม. ก่อนขึ้นเครื่อง โดยผู้ที่ได้รับ Q-Code ถึงจะสามารถเข้าเกาหลีใต้ได้โดยสะดวก ไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มอีก

 

นอกจากนี้ ยังมีหมายเหตุว่า

  1. กรุณาตรวจสอบข้อมูลกฎเกณฑ์การเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้กับทางสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทยล่วงหน้าก่อนเดินทางทุกครั้ง เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลงและแตกต่างไปจากข้อมูลข้างต้น
  2. สำหรับคนไทยที่เดินทางไปยังเกาะเชจูนั้น แม้ว่าจะยังไม่ต้องขอรับ K-ETA ในตอนนี้ แต่ในอนาคตอันใกล้ทางการเกาหลีใต้ กำลังจะปรับให้ต้องมี K-ETA ล่วงหน้าก่อนเดินทางไปยังเกาเชจูด้วย และสำหรับผู้ที่เดินทางไปเที่ยวเกาะเชจู โดยไม่ได้รับอนุมัติ K-ETA จะไม่สามารถเดินทางต่อไปยังเกาหลีใต้ในส่วนภาคพื้นทวีปได้ และผู้ที่เคยถูกปฏิเสธ K-ETA ในการเดินทางเข้าเกาหลีใต้ ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าเกาะเชจู
  3. แม้ว่าคนไทยที่ได้รับอนุมัติ K-ETA ให้ขึ้นเครื่องมาเกาหลีใต้แล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เกาหลีใต้ มีอำนาจในการอนุมัติหรือไม่อนุมัติ หากสัมภาษณ์แล้วยังมีข้อสงสัยว่า คนไทยอาจเดินทางเข้าเกาหลีใต้เพื่อลักลอบทำงานในเกาหลีใต้แบบผิดกฎหมาย หรือเหตุผลอื่นๆ โดยคนไทยที่ไม่ได้รับอนุมัติให้เข้าเกาหลีใต้ จะถูกตม.เกาหลีใต้ส่งกลับประเทศไทย โดยสายการบินที่นำคนไทยเดินทางไปเกาหลีใต้โดยเร็วที่สุด

 

สถานทูตยังระบุว่า สำหรับคนไทยที่ได้รับอนุมัติจากตม.ให้เดินทางเข้าเกาหลีใต้ได้แล้ว แต่ต่อมากระทำผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ดังสาเหตุต่อไปนี้ จะได้รับโทษ ดังนี้

  1. พำนักอยู่ในเกาหลีใต้เกิน 90 วัน จะถูกลงโทษให้ชำระค่าปรับตามจำนวนปีที่พำนักผิดกฎหมาย ซึ่งหากเลือกไม่ชำระค่าปรับ จะไม่สามารถเดินทางกลับมายังเกาหลีใต้ได้อีกในอนาคต รวมทั้งต้องถูกกักตัวในสถานกักกันประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนถูกส่งตัวกลับไทย โดยคนไทยที่กระทำผิดกฎหมายต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินเพื่อกลับประเทศไทยด้วยตนเอง
  2. กรณีลักลอบทำงานแบบผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ หากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้จับกุม ก็จะถูกกักตัวในสถานกักกัน โดยหากไม่พบว่ามีความผิดอื่น เช่น ยาเสพติด นายหน้า เมาแล้วขับ ฉ้อโกง หรือคดีอื่นๆ ปกติจะถูกส่งกลับประเทศไทยภายใน 1 สัปดาห์ โดยคนไทยที่กระทำผิดกฎหมายต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินเพื่อกลับประเทศไทยด้วยตนเอง

 

 

ข้อมูลอ้างอิง

Why is S. Korea trying to strengthen border controls in Jeju?