ปมร้อนจีน-สหรัฐฯ เสี่ยงบานปลายทุบเศรษฐกิจ เติมเชื้อไฟให้ Perfect Storm

03 ส.ค. 2565 | 10:27 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ส.ค. 2565 | 17:42 น.
545

“กอบศักดิ์ ภูตระกูล” หวั่นปมร้อนจีน-สหรัฐฯ บานปลายทุบเศรษฐกิจ หลังประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เดินทางไปไต้หวัน รับเป็นโค้งอันตรายของโลก และเศรษฐกิจโลก พร้อมส่งผลต่อเศรษฐกิจ เพิ่มไฟให้กับ Perfect Storm และเสี่ยงนำไปสู่เศรษฐกิจโลกที่แตกแยก

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) โพสต์เฟซบุ๊ก Kobsak Pootrakool ระบุถึงสถานการณ์ร้อนความตรึงเครียดระหว่างจีน และสหรัฐฯ หลังจากที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เดินทางเยือนไต้หวัน โดยระบุว่า 

 

โค้งอันตรายของโลก และเศรษฐกิจโลก 

 

การเดินทางไปเยี่ยมไต้หวันของ Pelosi ประธานสภาผู้แทนราษฎร์ของสหรัฐอเมริกา นับเป็นการเดินทางไปอีกครั้ง หลังจาก Newt Gingrich ได้ไปเยือนเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ได้จุดประกายเพิ่มความตึงเครียดระหว่างความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ กลายเป็นอีก Key Turning Point ที่จะมีนัยยะกับการเมืองและเศรษฐกิจโลก ที่จะกระทบกับทุกคน

ระทึก กองทัพจีนฮึ่ม! เตรียมตอบโต้การเดินทางเยือนไต้หวันของ "เพโลซี"

 

ล่าสุด ปัญหาลุกลามจากคำพูดเตือนไปมาของ 2 ฝ่าย โต้กันสรุปได้ ดังนี้

 

คำเตือนจากจีน

 

Those who play with fire will perish by it.
อย่าเล่นกับไฟ


All the consequences must be borne by the United States
สหรัฐต้องรับผิดชอบกับผลพวงต่างๆ ที่จะตามมา


Do not go further down the wrong and dangerous path
อย่าถลำลึกลงไปในทางที่ผิดและอันตราย


Extremely Dangerous
อันตรายอย่างยิ่ง

 

คำตอบจากสหรัฐ

 

US President Joe Biden “respects” Pelosi’s decision to travel to Taiwan. 
ประธานาธิบดีไบเดนเคารพการตัดสินใจของ Polesi ที่จะไปเยือนไต้หวัน


There is no reason for Beijing to turn a potential visit consistent with longstanding U.S. policy into some sort of crisis or conflict, or use it as a pretext to increase aggressive military activity in or around the Taiwan Strait ... 


อย่าทำให้เรื่องนี้ลุกลามกลายเป็นวิกฤต ซึ่งทำให้อดคิดไปถึงคำพูดท่านไบเดนที่หลุดปากมาเมื่อเดือนมีนาคม และเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเมื่อมีนักข่าวถาม


“Are you willing to get involved militarily to defend Taiwan if it comes to that?” The president responded with a clear answer: “Yes . . . that’s the commitment we made.” 


สหรัฐจะปกป้องไต้หวัน

จีนเดือด ซัดสหรัฐ “เพโลซี” ดันทุรังเยือนไต้หวัน ล้ำอธิปไตย-ทำลายสันติภาพ

 

ล่าสุด ปัญหากำลังยกระดับเพิ่มขึ้น โดยโฆษกของกระทรวงกลาโหมจีนได้ประกาศภาวะ High Alert สำหรับกองทัพจีน และประกาศซ้อมรบรอบๆ ไต้หวัน


The Chinese People's Liberation Army is on high alert and will take a series of targeted military operations in response ...


A senior defense official of the US told the outlet that the ships and aircraft could remain in the area should they be needed for a contingency. 


มีเรือรบของสหรัฐ 3 ลำ อยู่ใกล้ๆ กับไต้หวัน หากเกิดเหตุการณ์จำเป็น...

 

นอกจากนี้ รัสเซียบอกว่า ยืนอยู่ข้างจีน และการที่ Pelosi ไปเยือนไต้หวันเป็นการกระทำที่ยั่วยุให้เกิดเหตุ 


Moscow said it was “absolutely in solidarity with China”, calling the prospect of a Pelosi visit “pure provocation”.

 

เอกชนชี้การค้าโลกจากนี้ไปจะยากขึ้น จับตามาตรการที่จีนออกมาเพิ่ม


ทั้งหมด เกิดขึ้นขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังเปราะบาง การกระทบกระทั่งทางการเมือง พร้อมส่งผลต่อไปเป็นการกระทบกระทั่งทางเศรษฐกิจ ซ้ำเติม เพิ่มไฟให้กับ Perfect Storm และรอบนี้น่ากังวลใจกว่ารอบของรัสเซียมาก เนื่องจากจีนมีขนาดที่ใหญ่กว่ารัสเซีย 10 เท่า มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกที่ซับซ้อนกว่ารัสเซียหลายเท่า


ปี 2021 จีนได้รับ FDI จากต่างประเทศประมาณ 2.6 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่รัสเซียได้รับ FDI ประมาณ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ นี่แค่ปีเดียวเท่านั้น ถ้าเอาทุกปีรวมกัน ก็จะยิ่งน่ากังวลใจ !!!!


จีนเป็นหัวใจของ Global Supply Chains ในสินค้าสำคัญๆ ขณะที่รัสเซียเป็นเพียงผู้ผลิตพลังงาน ปุ๋ย และวัตถุดิบบางอย่าง จีนเป็นผู้นำของการผลิตนวัตกรรมโลก จีนมีเงินลงทุนในพันธบัตรสหรัฐอยู่ 9.8 แสนล้านดอลลาร์ เป็นอันดับสองรองจากญี่ปุ่นที่ถืออยู่ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่รัสเซียแทบจะไม่ได้ถือไว้เลย


ตัวเลขนี้ได้ลดลงอย่างต่อเนื่องจากเดิมที่เคยมีถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อประมาณปี 2013 และอาจจะลดลงในอัตราเร่ง หากความขัดแย้งลุกลามไปกว่านี้ คิดไม่ออกว่าจะส่งผลกระทบกว้างขวางแค่ไหน


แต่ที่แน่ ๆ  เมื่อมาถึงจุดนี้ ความพยายามของจีนในการที่จะสร้างทางเลือกใหม่ในการจ่ายเงิน ชำระเงิน ถือครองเงินสำรองระหว่างประเทศที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐ รวมไปถึงการรวมตัวของประเทศต่างๆ เพื่อไม่ต้องพึ่งสหรัฐและโลกตะวันตก ก็จะได้รับแรงส่งมากยิ่งขึ้น


นอกจากนี้ ความพยายามที่จีนและสหรัฐจะหาสมัครพรรคพวกยืนอยู่ข้างตนเองก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้น ได้แต่หวังใจว่า ทุกฝ่ายจะมีสติ ถอยคนละก้าว เพราะทางนี้ ไม่ใช่ทางเดินที่ดี เป็นทางที่จะนำไปสู่การเผชิญหน้า นำไปสู่ความเสียหายของทุกฝ่าย 


ในที่สุด จะนำไปสู่เศรษฐกิจโลกที่แตกแยก (Fragmented World Economy) เรื่องนี้ คงต้องตามแบบกระพริบตาไม่ได้ครับ