นายฟิเดล วัลเดซ รามอส เป็น อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ คนที่ 12 เขาเคยเป็นนายทหารที่ร่วมรบในสงครามเกาหลีและสงครามเวียดนามก่อนจะหันมาเดินหน้าสู่เส้นทางการเมือง และก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญด้านความมั่นคงของประเทศในช่วงยุคสมัยที่รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ซีเนียร์ ครองอำนาจ แต่ขณะเดียวกัน ในช่วงปลายยุคของปธน.มาร์กอส รามอสเป็นนายทหารคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญออกมาร่วมเคลื่อนไหวในขบวนการปฏิวัติของประชาชนเพื่อขับไล่ปธน.มาร์กอส ลงจากอำนาจ และหลบหนีออกนอกประเทศไปในที่สุด
ต่อมา หลังยุคสมัยของประธานาธิบดี คอราซอน อากีโน รามอสสามารถกุมชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วประเทศและขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ในปี 2535 โดยก่อนหน้านั้น เขาเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรีของประธานาธิบดีอากีโน
รามอสเป็นนักการเมืองที่มาจากสายทหารเนื่องจากจบการศึกษาที่เวสต์พอยต์ หรือโรงเรียนนายร้อยทหารบกของสหรัฐ เขาเคยดำรงตำแหน่งเสนาธิการกองทัพฟิลิปปินส์ ผู้บัญชาการตำรวจฟิลิปปินส์ และต่อมาจึงเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม
ในสมัยรัฐบาลของนางคอราซอน อากีโน รามอสดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารและต่อมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม
รายงานข่าวระบุว่า ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศอยู่ 6 ปีนั้น (เขาดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2535-2541) อดีตปธน.รามอส เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเปิดเศรษฐกิจต้อนรับการลงทุนจากต่างชาติ ด้วยการผ่อนคลายกฎเกณฑ์และนโยบายเปิดเสรีต่าง ๆ รวมทั้ง การสลายการผูกขาดในธุรกิจขนส่งและสื่อสารของฟิลิปปินส์ ทั้งยังได้รับการจดจำว่า เศรษฐกิจของประเทศรุ่งเรืองขึ้นและระดับความยากจนลดลงเพราะนโยบายของอดีตผู้นำคนนี้ด้วย
นอกจากนั้น อดีตปธน.รามอส ยังเป็นผู้ลงนามข้อตกลงสันติภาพกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน แนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติโมโร (Moro National Liberation Front) และเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในการทำให้จำนวนสมาชิกกลุ่มกองโจรนิยมลัทธิเหมาในฟิลิปปินส์ลดลงจาก 25,000 คนลงมาเหลือราว ๆ 5,400 คนอีกด้วย
ภายใต้การปกครองของฟิเดล รามอส ฟิลิปปินส์มีความมั่นคงทางการเมืองและมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ซึ่งการขยายตัวเป็นผลมาจากนโยบายและโครงการของเขาได้รับการออกแบบเพื่อส่งเสริมให้เกิดการปรองดองแห่งชาติและความสามัคคี รามอสเองก็สามารถที่จะสร้างเสริมข้อตกลงสันติภาพที่สำคัญกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนมุสลิม กลุ่มก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ และกบฏทหาร ซึ่งความสำเร็จในเรื่องนี้ ทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์มากขึ้น
นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนปัจจุบัน ออกแถลงการณ์วานนี้ (31 ก.ค.) ระบุว่า “ครอบครัวของเราขอไว้อาลัยร่วมกับประชาชนชาวฟิลิปปินส์ในวันอันน่าเศร้านี้ เราไม่ได้เพียงแต่สูญเสียผู้นำที่ดีไปหนึ่งคน แต่ยัง(สูญเสีย)สมาชิกของครอบครัวเราไปด้วย”