"บองบอง” มาร์กอส จูเนียร์ คะแนนนำโด่งจ่อคว้าชัยเลือกตั้งผู้นำฟิลิปปินส์

10 พ.ค. 2565 | 07:12 น.
อัปเดตล่าสุด :10 พ.ค. 2565 | 14:19 น.

นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ หรือ บองบอง บุตรชายอดีตผู้นำเผด็จการของฟิลิปปินส์ คะแนนนำโด่งไม่ผิดโผจากผลนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ จ่อคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ขณะที่คาดว่าตำแหน่งรองประธานาธิบดีจะเป็นของนางซารา ดูเตอร์เต บุตรสาวของปธน.คนปัจจุบัน

เจ้าหน้าที่ ฟิลิปปินส์ เริ่มนับคะแนน เลือกตั้งประธานาธิบดี แล้ว หลังจากปิดหีบเลือกตั้งในเวลา 19.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 18.00 น.ตามเวลาไทย เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการจากผู้ลงคะแนนเสียงราว 78.88% พบว่า นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ หรือ "บองบอง" ซึ่งเป็นบุตรชายวัย 64 ปีของอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ได้รับคะแนนเสียงมากถึง 25,489,420 เสียง มากกว่าคู่แข่งคนสำคัญคือนางเลนี โรเบรโด รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ซึ่งได้เพียง 12,145,860 เสียง สอดคล้องกับผลการสำรวจก่อนการเลือกตั้ง

 

ขณะที่ นางซาร่า ดูเตอร์เต บุตรสาววัย 43 ปีของประธานาธิบดี โรดิโก ดูเตอร์เต ก็ได้คะแนนนำในการเลือกตั้งรองประธานาธิบดี โดยได้รับคะแนนเสียง 25,408,391 เสียง

นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ "บองบอง"

นางซารา ดูเตอร์เต บุตรสาวปธน.ดูเตอร์เต คะแนนนำในการเลือกตั้งรองประธานาธิบดี

สื่อต่างประเทศรายงานว่า ตลอดระยะเวลา 3 เดือนของการหาเสียง นายบองบอง ไม่ได้นำเสนอนโยบายใหม่ ๆ ที่จริงจังมากนัก เน้นแต่เพียงความปรองดองและสมานฉันท์ ที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นแค่ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์จากยุคของนายมาร์กอส ซีเนียร์ ผู้เป็นพ่อ ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำเผด็จการยึดครองอำนาจในการบริหารประเทศยาวนานกว่า 2 ทศวรรษจนถึงปี 2529 โดยมีการบังคับใช้กฎอัยการศึก และการทุจริตคอร์รัปชันอย่างเปิดเผย กระทั่งถูกพลังประชาชนลุกฮือประท้วงจนต้องลี้ภัยไปยังฮาวายจนเสียชีวิตที่นั่น  

นักวิเคราะห์มองว่า หากได้รับชัยชนะจริงนายบองบองน่าจะสานต่อนโยบายหลายอย่างของรัฐบาลชุดปัจจุบัน เนื่องจากประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงจากชาวฟิลิปปินส์ แต่ลงสมัครไม่ได้อีกด้วยเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีดูเตอร์เต จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 30 มิ.ย.2565 หลังจากอยู่ในตำแหน่งผู้นำฟิลิปปินส์เป็นเวลา 6 ปี ขณะที่รัฐธรรมนูญฟิลิปปินส์กำหนดให้ประธานาธิบดีไม่สามารถดำรงตำแหน่งเกินกว่า 1 สมัย