บิตคอยน์ดิ่งเหวหลุด 30,000 ดอลล์ ตามแรงดิ่งตลาดวอลล์สตรีท

10 พ.ค. 2565 | 07:34 น.
อัปเดตล่าสุด :10 พ.ค. 2565 | 14:58 น.

ราคาบิตคอยน์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง หลุดระดับ 32,000 ดอลลาร์วานนี้ (9 พ.ค.) ก่อนที่จะดิ่งหลุด 30,000 ดอลลาร์เช้าวันนี้ (10 พ.ค.) ขณะที่นักลงทุนวิตกว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดและการปรับลดขนาดงบดุล (QT) จะฉุดสภาพคล่องในตลาด ทำให้ตลาดเงินดิจิทัลย่ำแย่ลงไปอีก

บิตคอยน์ ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ณ เวลา 23.43 น.ตามเวลาไทยวานนี้ (9 พ.ค.) โดยราคาซื้อขายดำดิ่งลง 7.69% สู่ระดับ 31,948.75 ดอลลาร์ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coinbase จากนั้นเช้าวันนี้ (07.34 น.วันที่ 10 พ.ค. ตามเวลาไทย) ราคาบิตคอยน์ร่วงต่อจนหลุดจากระดับ 30,000 ดอลลาร์ลงมาแตะที่ 29,876 ดอลลาร์แล้ว เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะฉุดสภาพคล่องในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งรวมถึงตลาดคริปโตเคอร์เรนซี
         

ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า บิตคอยน์ได้ร่วงหลุดแนวรับสำคัญที่ 37,500 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณช่วง "ขาลง" และอาจลงไปทดสอบ 30,000 ดอลลาร์ ซึ่งหากระดับดังกล่าวไม่สามารถรองรับได้ ก็จะทำให้บิตคอยน์ทรุดตัวลงต่อไปสู่ระดับ 25,000 ดอลลาร์ได้

 

ทั้งนี้ บิตคอยน์ร่วงลงตามตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนมิ.ย.นี้ แม้นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด จะออกมายืนยันว่า เฟดยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตรารุนแรงขนาดนั้นก็ตาม

 

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. 2565 เพิ่มขึ้นจากระดับ 19% เมื่อเดือนที่แล้ว

นักลงทุนยังคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมมากกว่า 2.00% ในปีนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นแตะระดับ 2.85% ในช่วงสิ้นปีนี้

 

เฟดมีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 0.75-1.00% ในการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2543 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี

 

นอกจากนี้ เฟดยังเปิดเผยแผนการทำ QT โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งเฟดจะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 47,500 ล้านดอลลาร์/เดือน และหลังจากนั้น 3 เดือน เฟดจะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 95,000 ล้านดอลลาร์/เดือน

นักลงทุนยังกังวลว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดขนาดงบดุลอาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย หลังจากที่มีการหดตัว 1.4% ในไตรมาสแรกของปีนี้ (2565)