"เจพีมอร์แกน" ตามติด “โกลด์แมนแซคส์” ถอนยวงธุรกิจออกจากรัสเซียอีกราย

11 มี.ค. 2565 | 13:21 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มี.ค. 2565 | 15:14 น.

"เจพีมอร์แกน" เป็นสถาบันการเงินต่างชาติอีกรายที่ประกาศถอนตัวออกจากรัสเซีย หลังจากที่ “โกลด์แมนแซคส์” เพิ่งทำเช่นเดียวกันไปเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ เพื่อตอบโต้การที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกยูเครนมาเป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์แล้ว

เจพีมอร์แกน เชส ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศยุติการดำเนินธุรกิจใน รัสเซีย แล้ววานนี้ (10 มี.ค.) ตามติด โกลด์แมน แซคส์ ที่ประกาศความเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกันไปแล้วก่อนหน้านี้ 

 

นางทาชา เปลิโอ โฆษกของธนาคารระบุว่า "เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งของรัฐบาลทั่วโลก เราได้ยุติการดำเนินธุรกิจในรัสเซีย และจะไม่ทำธุรกิจใหม่ในรัสเซียเพิ่มเติม"

 

รายงานระบุว่า การรุกรานยูเครนของรัสเซียส่งผลให้บริษัทด้านเทคโนโลยี การชำระเงิน และร้านค้าปลีกระดับโลกจำนวนมากต่างยุติธุรกิจในรัสเซีย ท่ามกลางมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐที่มุ่งใช้แรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย

        

การประกาศยุติการดำเนินธุรกิจของเจพีมอร์แกนสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของโกลด์แมน แซคส์ ที่ประกาศถอนตัวจากรัสเซียก่อนหน้านี้

ภาวะสงครามและมาตรการคว่ำบาตรกำลังส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคชาวรัสเซียเช่นกัน

ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน มีพนักงานไม่ถึง 200 รายในรัสเซีย ส่วนใหญ่ทำงานในสำนักงานและวาณิชธนกิจของบริษัท ส่วนโกลด์แมน แซคส์ ที่ประกาศยุติการดำเนินธุรกิจในรัสเซียไปก่อนแล้วนั้น นับเป็นวาณิชธนกิจรายใหญ่แห่งแรกของโลกที่ประกาศดังกล่าว หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา

 

อย่างไรก็ดี ธนาคารสหรัฐส่วนใหญ่มีการดำเนินกิจการไม่มากนักในรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีมูลค่าเศรษฐกิจค่อนข้างต่ำ โดย โกลด์แมน แซคส์มีการลงทุนในรัสเซียเพียง 940 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว (2564)  ซึ่งรวมถึงการปล่อยสินเชื่อ 650 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเพียง 0.10% ของมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดของทางธนาคาร

 

จากรายงานอ้างอิงผลการสำรวจเบื้องต้นของ ธนาคารเพื่อการชำระบัญชีระหว่างประเทศ (Bank of International Settlements หรือ BIS) พบว่า บรรดาธนาคารระหว่างประเทศถือครองหนี้บริษัทและหน่วยงานของรัสเซียคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 121,000 ล้านดอลลาร์ โดยในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นธนาคารในยุโรป ซึ่งมีการถือครองหนี้ในรัสเซียรวมกันมากที่สุด คือกว่า 84,000 ล้านดอลลาร์ นำโดยธนาคารฝรั่งเศส อิตาลี และออสเตรีย ที่มีสัดส่วนถือครองหนี้ในรัสเซียมากที่สุด จากนั้นจึงตามด้วยบรรดาธนาคารในสหรัฐที่ถือครองหนี้ในรัสเซียรวม ๆกันมากกว่า 14,700 ล้านดอลลาร์

นายดิมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าวว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของรัสเซียในขณะนี้เป็นสิ่งที่ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะชาติตะวันตกได้เป็นผู้ก่อ “สงครามทางเศรษฐกิจ” ทำให้รัสเซียไม่มีทางเลือกอื่นนอกไปจากการใช้มาตรตอบโต้การคว่ำบาตรอย่างเท่าเทียมกันเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัสเซียเอง นั่นหมายรวมถึงการที่รัฐบาลรัสเซียจะยึดทรัพย์สินของบริษัท ธนาคาร และสถาบันการเงินต่างชาติมาเป็นของรัฐ หรือโอนให้เป็นของกลางต่อไป

 

ปัจจุบัน มีสถาบันการเงินหลายแห่งออกมาประกาศระงับการให้บริการในรัสเซียเป็นการชั่วคราวแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Societe Generale และ BNP Paribas ของฝรั่งเศส, UniCredit ของอิตาลี, Credit Suisse, Deutsche Bank, Citibank และล่าสุดคือ Goldman Sachs และ JP Morgan