"ไบเดน" หนุนประชาชนฉีดวัคซีนบูสเตอร์รับมือโควิด

28 ก.ย. 2564 | 06:16 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.ย. 2564 | 13:35 น.

"ไบเดน" หนุนประชาชนฉีดวัคซีนบูสเตอร์รับมือโควิด ย้ำ 23% ที่ยังไม่ฉีดแม้แต่เข็มเดียวเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะทำให้การแพร่ระบาดรับมือได้ยากขึ้น

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา เข้ารับการ ฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน หรือ วัคซีนบูสเตอร์ของ บริษัทไฟเซอร์-บิออนเทค แล้ววานนี้ (27 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น) ที่ทำเนียบขาว โดยย้ำว่า วัคซีนเข็มที่สามหรือวัคซีนกระตุ้นนี้เป็นเรื่อง “สำคัญ”

 

แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ ยังมีชาวอเมริกันจำนวนมาก หรือคิดเป็นสัดส่วน 23% ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว ทั้งที่บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 นั้นเป็นบริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ที่รัฐจัดหาให้ การเข้ารับบริการขึ้นอยู่กับความสมัครใจหรือการตัดสินใจของพวกเขาเอง ซึ่งผู้นำสหรัฐย้ำว่า “การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดที่เราจำเป็นต้องทำคือ การทำให้ประชาชนจำนวนมากขึ้นอีกเข้ารับการฉีดวัคซีน(เข็มแรก)"

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เข้ารับการ ฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน หรือ วัคซีนบูสเตอร์ของบริษัทไฟเซอร์-บิออนเทค ที่ทำเนียบขาว

ตัวประธานาธิบดีโจ ไบเดนเองซึ่งอยู่ในวัย 78 ปีนั้น เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สองซึ่งเป็นของบริษัทไฟเซอร์-บิออนเทค ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา และเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (27 ก.ย.) ในเวลา 13.00 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือประมาณ 24.00 น. ของวันที่ 27 ก.ย. ตามเวลาไทย ข่าวระบุว่านางจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งวัย 70 ปี จะเข้ารับวัคซีนเข็มสามด้วยเช่นกัน

 

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (24 ก.ย.) ดร.โรเชล วอเลนสกี ผู้อำนวยการ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ ซีดีซี แถลงข่าวว่า ซีดีซีแนะนำและให้การรับรองการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ หรือวัคซีนเข็มที่สามของบริษัทไฟเซอร์-บิออนเทค สำหรับประชาชนในกลุ่มวัย 65 ปีขึ้นไป รวมทั้งผู้ที่อายุ 50-64 ปีที่มีโรคประจำตัว  

 

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น สื่อใหญ่ของสหรัฐรายงานอ้างอิงข้อมูลจากการเปิดเผยของประธานาธิบดีไบเดนว่า ยังมีชาวอเมริกันอีกหลายล้านคน หรือคิดเป็นจำนวน 23% ของประชากรทั่วประเทศที่ยังคงไม่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 แม้แต่เข็มเดียว ขณะที่ชาวอเมริกันจำนวนราว 20 ล้านคนมีสิทธิได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 3 เพื่อกระตุ้นภูมิต้านทานโควิด-19

 

ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ระบุว่า สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่ยังคงครองอันดับ 1 ของโลก ทั้งในแง่จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าว โดยข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 27 ก.ย.2564 สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมจำนวน 43,756,726 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 706,393 ราย โดย

  • รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 4 ล้านราย ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย และเท็กซัส
  • รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 3 ล้านราย ได้แก่ ฟลอริดา
  • รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 2 ล้านราย ได้แก่ นิวยอร์ก
  • รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 ล้านราย ได้แก่ อิลลินอยส์ จอร์เจีย เพนซิลเวเนีย โอไฮโอ นอร์ทแคโรไลนา เทนเนสซี นิวเจอร์ซีย์ มิชิแกน และแอริโซนา

นอกจากนี้ รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สูงสุดในสหรัฐ คือจำนวนรวม 68,789 ราย