‘อันเกลา แมร์เคิล’ นายกฯหญิงอินทรีเหล็ก ปิดฉากดำรงตำแหน่ง 16 ปี

25 ก.ย. 2564 | 12:57 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.ย. 2564 | 20:11 น.
2.6 k

ในวัย 67 ปี นางอันเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ประกาศจะยุติบทบาททางการเมืองหลังผลการเลือกตั้งในวันอาทิตย์นี้ (26 ก.ย.) ออกมาอย่างชัดเจน นี่จะเป็นการปิดตำนานทางการเมืองอย่างสง่างามในฐานะผู้นำที่ครองตำแหน่งยาวนานที่สุดและทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของยุโรป

อันเกลา แมร์เคิล ได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างมาตรฐานที่สำคัญของการเล่น การเมืองโลก อย่างเคารพกติกาและการเห็นชอบร่วมกัน นับตั้งแต่ที่สตรีผู้นี้ อดีตนักฟิสิกส์ควอนตัม ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ในปี 2005 (พ.ศ. 2548) เธอได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งเสถียรภาพและความมั่นคงของยุโรป

 

ตลอด 16 ปีที่ดำรงตำแหน่ง แมร์เคิลผ่านอุปสรรคทดสอบความแข็งแกร่งและวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำมาอย่างโชกโชน หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดี้ยน สื่อใหญ่ของอังกฤษระบุว่า สตรีเหล็กผู้นี้นำพาเยอรมนีผ่านร้อนผ่านหนาวในช่วงเวลาที่ยากลำบากและวุ่นวาย ตั้งแต่การกลับมาของลัทธิชาตินิยมจนถึงการแตกแยกทางการเมืองในโลกตะวันตก โดยที่ความแข็งแกร่งและบทบาทผู้นำของเยอรมนีไม่เคยเจือจางลงเลย

อันเกลา แมร์เคิล

การปิดฉากทางการเมืองอย่างเป็นทางการของอันเกลา แมร์เคิล เป็นสิ่งที่ประชาชนรับรู้มาก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว เพราะในปีค.ศ. 2018  (2561) หลังจากที่พรรคซีดียูของเธอ คว้าคะแนนจากการเลือกตั้งท้องถิ่นได้ไม่น่าประทับใจนัก เธอได้ประกาศชัดเจนแล้วว่า หากหมดวาระการดำรงตำแหน่งแล้ว เธอจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งอีก  

ไม่น่าแปลกใจที่แมร์เคิลได้รับการยกย่องจากประชาคมโลกว่าเธอเป็นผู้นำที่มีสเถียรภาพและความมั่นคงอย่างยิ่ง  เพราะในช่วงกว่า 16 ปีของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนี แมร์เคิลได้ทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีของอังกฤษถึง 5 คน ประธานาธิบดีฝรั่งเศส 4 คน นายกรัฐมนตรีอิตาลี 7 คน และประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 4 คน

 

“แมร์เคิลทำผลงานได้ดีมากทั้งในทางการเมืองของเยอรมนีเอง และในเวทีโลก ในเชิงเศรษฐกิจของเยอรมนีก็ไปได้ดีในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา และก็ไม่ได้เลวร้ายนักในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ” เพ็บไพจน์ เบิร์กเซน นักวิจัยของแชตแธม เฮาส์ (Chatham House) กล่าว แต่กระนั้นข้อวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบก็ใช่ว่าจะไม่มี แมร์เคิลเคยถูกวิจารณ์อย่างหนักจากนโยบายการรับมือวิกฤตผู้ลี้ภัย รวมทั้งการที่เธอดำเนินนโยบายการต่างประเทศที่ใกล้ชิดจีนมากจนเกินไป

 

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งสถานการณ์ในเยอรมนีนั้นถือดีกว่าประเทศเพื่อนบ้านที่รายล้อมเป็นอย่างมาก บรรดานักวิเคราะห์และโพลต่าง ๆ คาดการณ์ว่า แมร์เคิลก้าวลงจากตำแหน่งอย่างสง่างามและเป็นที่เคารพนับถือของชาวเยอรมันเป็นส่วนใหญ่

 

“ผู้คนมองแมร์เคิลในแง่บวกมาก เพราะภาพลักษณ์ของเธอเกี่ยวโยงกับความมั่นคง” เบน ชเรียร์ จากสถาบันการศึกษายุทธศาสตร์นานาชาติให้ความเห็น พร้อมทั้งตั้งข้อสงสัยว่า คงเป็นโจทย์ยากของผู้ที่จะมารับตำแหน่งต่อจากแมร์เคิล ว่าเขาหรือเธอคนนั้น จะสามารถทำบทบาทนี้ได้ดีเหมือนที่แมร์เคิลเคยทำไว้หรือไม่

 

นักวิเคราะห์กล่าวว่า รัฐบาลชุดใหม่ของเยอรมนีกำลังจะต้องเผชิญกับความท้าทายของนโยบายต่างประเทศอย่างมากเมื่อรัฐบาลชุดใหม่เข้ารับตำแหน่ง เพราะคำถามคือ ใครจะมาแทนที่แมร์เคิล บุคคลนั้นมีเสน่ห์และมีศักยภาพแบบที่แมร์เคิลเคยทำได้หรือไม่ ชาติพันธมิตรและชาติอื่นอาจคลางแคลงใจ ในขณะที่ชาวเยอรมันก็เฝ้ารอดูอยู่เช่นกัน

 

ความคาดหวังเกี่ยวกับผู้นำคนใหม่

หนึ่งในบทบาทสำคัญที่แมร์เคิลทำได้ดี คือความมุ่งมั่นในการรักษาการรวมกันเป็นปึกแผ่นของยุโรปและพยายามสมานร้อยร้าวระหว่างชาติสมาชิก ซึ่งบทบาทนี้ ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ก็กำลังพยายามทำอยู่  ดังนั้น หากผู้มารับตำแหน่งผู้นำเยอรมันต่อจากแมร์เคิล ไม่สามารถดำรงบทบาทนี้ได้ ก็เป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงสมดุลแห่งอำนาจของยุโรป จากเยอรมนีไปที่ฝรั่งเศสแทน

 

นอกจากนี้ ผู้นำคนใหม่ของเยอรมนียังจะต้องรักษาสมดุลในความสัมพันธ์กับสหรัฐและจีน ซึ่งเท่าที่ผ่านมา แมร์เคิล รักษาสมดุลได้ดี เยอรมนีมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งสองชาติ รวมไปถึงความสัมพันธ์กับอังกฤษ ที่ขณะนี้ออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ไปแล้ว แต่ยังคงเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของอียู

 

นักวิเคราะห์เชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ของเยอรมนี มีแนวโน้มจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเยอรมนีรวมทั้งนโยบายของประเทศอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะนี่คือการเลือกตั้งครั้งแรกในช่วงอายุคน ที่ชาวเยอรมันต้องตัดสินใจว่า อยากให้เยอรมนี หลังยุคของแมร์เคิลดำเนินไปในทิศทางใด  ทั้งนี้ เยอรมนีมีสองพรรคการเมืองหลัก คือ พรรคกลางขวา CDU ของแมร์เคิล และพรรคเอียงซ้าย SPD โดยทั้งสองพรรคตั้งรัฐบาลร่วมกันมากว่าแปดปีแล้ว

 

โอกาสของพรรคการเมืองอื่น ๆ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พรรคการเมืองอื่น ๆ เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่พรรค CDU และ SPD ก็เสียที่นั่งมากขึ้นเช่นกัน การเลือกตั้งครั้งนี้จึงสูสีในแง่ที่ว่า ถึงแม้ทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่ยังคงมีความได้เปรียบ แต่ยังมีพรรคกรีน (Green) ที่มีนโยบายชัดเจนด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ก็กำลังมาแรงพร้อมจะเป็นผู้ท้าชิงที่ประมาทไม่ได้

อาร์มิน ลาสเชท พรรค CDU โอลาฟ ชูลซ์ พรรค SPD

ทั้งนี้ ในส่วนของพรรค CDU ได้เลือก อาร์มิน ลาสเชท วัย 60 ปี ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับแมร์เคิลมายาวนานหลายปีและเคยเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีให้กับเธอในช่วงปี 2012 (พ.ศ. 2555) เป็นตัวแทนพรรคเข้าชิงชัยตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามจากการสำรวจความเห็นของประชาชนพบว่า ลาสเชทยังไม่สามารถเอาชนะใจชาวเยอรมันได้ ขณะที่คู่แข่งคนสำคัญของเขาคือ นาย โอลาฟ ชูลซ์ จากพรรค SPD มีคะแนนนิยมนำในโพลช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งชูลท์คร่ำหวอดในแวดวงการเมืองมายาวนาน และเคยเป็นรัฐมนตรีคลัง รวมทั้งรองนายกรัฐมนตรีของแมร์เคิลอยู่ช่วงหนึ่ง

อันนาเลนา แบร์บ็อค พรรคกรีน

มองมาทางพรรคกรีน มีชื่อที่ถูกนำเสนอในการแข่งขันคือ อันนาเลนา แบร์บ็อค หัวหน้าพรรค เธอเป็นผู้หนึ่งที่มีคะแนนพุ่งในผลสำรวจระยะหลัง ๆ จนทำให้หลายคนแอบลุ้นว่า เยอรมนีอาจจะมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นสตรีอีกคน และถ้าผู้โชคดีคนนั้นคือเธอ แบร์บ็อคก็จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนแรกของเยอรมนีที่มาจากพรรคกรีน