เยอรมนีเล็งฉีดวัคซีนโควิดเข็ม 3 ให้กลุ่มเสี่ยง ก.ย.นี้ สวนเสียง WHO คัดค้าน

06 ส.ค. 2564 | 01:37 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ส.ค. 2564 | 15:19 น.

นอกจากสหรัฐอเมริกาที่ประกาศแล้วก่อนหน้านี้ว่า จะเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีนต้านโควิดเข็มที่ 3 ให้ประชาชนหากจำเป็น “เยอรมนี” เป็นอีกประเทศ ที่แสดงจุดยืนเดียวกัน โดยระบุพร้อมเดินหน้าฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่ 3 กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กลุ่มเสี่ยงในเดือน ก.ย.นี้

กระทรวงสาธารณสุขของเยอรมนี ประกาศแผนระดมฉีด วัคซีนต้านโควิด-19 เข็มที่ 3 เพื่อ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ให้กับประชากรกลุ่มเปราะบาง โดยไม่สนใจข้อเรียกร้องของ องค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ต้องการให้นานาชาติระงับโครงการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เป็นการชั่วคราว หรืออย่างน้อย 2 เดือน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของการฉีดวัคซีนทั่วโลก ขณะที่ประชากรในประเทศยากจนยังคงไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดใหญ่ดังกล่าวแม้แต่เข็มเดียว

 

แถลงการณ์ของกระทรวงสาธารณสุขเยอรมนีระบุว่า แผนฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันในเดือนก.ย.นี้ เป็นไปเพื่อรับรองว่าประชากรในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงของเยอรมนีจะมีภูมิคุ้มกันเพียงพอ

เยอรมนีเล็งฉีดวัคซีนโควิดเข็ม 3 ให้กลุ่มเสี่ยง ก.ย.นี้ สวนเสียง WHO คัดค้าน

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขชี้แจงว่า ประชากรกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงได้แก่ ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้สูงอายุ และผู้อาศัยในบ้านพักคนชรา

 

ก่อนหน้านี้ นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO ได้ออกมาเรียกร้องให้นานาชาติระงับโครงการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เข็มที่ 3 อย่างน้อยเป็นเวลา 2 เดือน เพื่อให้ WHO บรรลุเป้าหมายในการฉีดวัคซีนให้แก่ประชากร 10% ของทุกประเทศภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้

 

WHO ยังระบุว่า อาจมีการขยายเวลาระงับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 มากกว่า 2 เดือน หากการฉีดวัคซีนในประเทศที่มีอัตราการฉีดต่ำยังคงไม่กระเตื้องขึ้น

WHO ตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้แก่ประชากร 10% ของทุกประเทศภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้

"เราจำเป็นต้องพลิกสถานการณ์อย่างเร่งด่วนจากการส่งวัคซีนส่วนใหญ่ให้แก่ชาติที่ร่ำรวย ไปสู่การส่งวัคซีนส่วนใหญ่ให้แก่ชาติที่ยากจน" นายกีบรีเยซุสกล่าว

 

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนข้อเรียกร้องของ WHO จะไม่เป็นผล เพราะในวันเดียวกันนั้น โฆษกทำเนียบขาวได้แถลงตอบโต้ว่า ท่าทีของ WHO เป็นทางเลือกที่ผิด เพราะสหรัฐสามารถดำเนินการได้ทั้งสองอย่างพร้อม ๆกัน คือสามารถฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชนชาวอเมริกัน หากวัคซีนดังกล่าวได้รับการอนุมัติในสหรัฐ ควบคู่ไปกับการบริจาควัคซีนส่วนเกินให้แก่ประเทศอื่น ๆได้นำไปใช้ประโยชน์