CDC ระบุ คนไม่ฉีดวัคซีนมีแนวโน้มเสียชีวิตจากโควิดมากกว่าคนฉีดแล้ว 11 เท่า

11 ก.ย. 2564 | 13:14 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ก.ย. 2564 | 20:24 น.

ผลการศึกษาครั้งใหม่ของสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (10 ก.ย.) บ่งชี้ว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ยังคงมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันอาการป่วยหนักจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิต ขณะที่ไวรัสสายพันธุ์เดลตายังคงแพร่ระบาดทั่วประเทศ

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยวานนี้ (10 ก.ย.) ว่า จากการติดตามศึกษากรณีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 600,000 รายใน 13 รัฐตั้งแต่เดือนเม.ย.ถึงกลางเดือนก.ค.ที่ผ่านมา พบว่า

  • ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนมีแนวโน้มติดเชื้อไวรัสโควิดมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วประมาณ 4.5 เท่า
  • มีโอกาสที่จะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่า 10 เท่า และ
  • มีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว 11 เท่า

ดร.โรเชลล์ วาเลนสกี้ ผู้อำนวยการ CDC เปิดเผยในการแถลงที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ว่า "การฉีดวัคซีนได้ผล" และ "สิ่งสำคัญที่สุดคือ เรามีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่เราต้องการ เพื่อพลิกสถานการณ์การระบาดใหญ่นี้"

CDC ระบุ คนไม่ฉีดวัคซีนมีแนวโน้มเสียชีวิตจากโควิดมากกว่าคนฉีดแล้ว 11 เท่า

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ลดน้อยลง โดยอยู่ที่ระดับ 91% ในฤดูใบไม้ผลิ และลดลงเหลือ 78% ในเดือนมิ.ย.และก.ค.2564

สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้ว แต่ยังติดเชื้อโควิด-19 และต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลนั้นอยู่ที่ระดับ 14% และเสียชีวิตที่ระดับ 16% ซึ่งคิดเป็น 2 เท่าจากระดับของเมื่อต้นปีนี้

 

ดร.วาเลนสกีให้ข้อมูลปิดท้ายประกอบการตัดสินใจในการฉีดวัคซีนว่า ผู้ป่วยโควิดมากกว่า 90% ในโรงพยาบาลของสหรัฐนั้น เป็นผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน