โดนัลด์ ทรัมป์ วิจารณ์ผลงานไบเดน “ทำงานเดือนแรกได้เลวร้ายที่สุด”  

02 มี.ค. 2564 | 06:16 น.
อัปเดตล่าสุด :02 มี.ค. 2564 | 13:34 น.
513

“ทรัมป์” ขึ้นเวทีครั้งแรกวิจารณ์ยับโจ ไบเดน ส่งสัญญาณท้าดวลอีกครั้งศึกเลือกตั้ง 4 ปีข้างหน้า

4 ปีล้างแค้นยังไม่สาย อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยทางการเมืองครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากที่เขาได้รับการโหวตจากสภาสูงให้หลุดพ้นการถอดถอนออกจากตำแหน่งรอบสองเมื่อวันที่ 13 ก.พ. บนเวทีดังกล่าวทรัมป์ประกาศแล้วว่า เขาจะกลับมา “คว้าชัยชนะครั้งที่สาม” เหนือพวกเดโมแครต เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณว่า เขาต้องการกลับมา ลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2024 (พ.ศ. 2567) และการใช้คำว่าชัยชนะ “ครั้งที่สาม” แสดงให้เห็นว่า ทรัมป์ยังคงมีความคิดที่ว่า เขาถูกโกงการเลือกตั้งเมื่อครั้งที่ผ่านมาและ นายโจ ไบเดน ก็คือผู้ที่ “ปล้น” ชัยชนะไปจากเขา

ทรัมป์บนเวที CPAC

ถล่มยับผลงานเดือนแรกของไบเดน

หลังหลุดพ้นมลทินจากมติของวุฒิสภาที่ “ไม่ถอดถอน” เขาออกจากตำแหน่งเมื่อราวกลางเดือนก.พ. ทรัมป์ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ทางการเมืองต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28 ก.พ.) บนเวทีการประชุมความเคลื่อนไหวทางการเมืองอนุรักษ์นิยม (CPAC) จัดขึ้นที่โรงแรมไฮแอต เมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา

ทรัมป์ใช้โอกาสนี้กล่าวโจมตีผลงานการบริหารประเทศของ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบันว่า ไบเดนขาดภาวะความเป็นผู้นำ “คณะบริหารภายใต้การนำของไบเดนทำงานเดือนแรกได้เลวร้ายที่สุด เมื่อเทียบกับประธานาธิบดีทั้งหมดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสหรัฐอเมริกา" ทรัมป์เปิดประเด็นเผ็ดร้อน พร้อมตราหน้าคณะรัฐบาลของไบเดนว่า "ต่อต้านการทำงาน ต่อต้านครอบครัว ต่อต้านพรมแดน ต่อต้านพลังงาน ต่อต้านผู้หญิง และต่อต้านวิทยาศาสตร์"

หรัมป์ชี้ว่านโยบายผู้อพยพของไบเดนนั้น "ผิดศีลธรรม" และการที่นายไบเดนตัดสินใจระงับการก่อสร้างกำแพงตลอดแนวพรมแดนสหรัฐ- เม็กซิโกที่ทรัมป์เองเป็นผู้ริเริ่มทำเอาไว้  จะสร้างภัยพิบัติทางมนุษยธรรมและความมั่นคงแห่งชาติ ที่สุดท้ายแล้วจะย้อนกลับมาทำร้ายสหรัฐเสียเอง

ส่วนประเด็นเกี่ยวกับการรับมือโควิด-19 นั้น อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้นายไบเดนออกคำสั่งเปิดการเรียนการสอนของโรงเรียนตามปกติโดยทันที ถึงแม้ว่า การกลับมาเปิดโรงเรียนอย่างไรให้ปลอดภัยจะยังคงเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันอย่างดุเดือดท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดกลายพันธุ์ที่แพร่ระบาดที่รวดเร็วกว่าเดิม

ทรัมป์ยังอ้างความดีความชอบว่า แผนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั่วประเทศนั้นเป็นผลงานของเขา  รัฐบาลของไบเดนเพียงแค่ทำงานตามแผนการที่เป็นมรดกตกทอดจากรัฐบาลของเขา ทรัมป์ย้ำเตือนบนเวทีว่า "จงอย่าลืมว่าเรื่องนี้เป็นผลงานของเรา"

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ คณะบริหารของนายไบเดนเคยกล่าวไว้ว่า พวกเขาต้องเริ่มดำเนินงานพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตั้งแต่ต้นหรือเริ่มจากไม่มีอะไรเลย

โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณจะกลับมาสู้ศึกเลือกตั้งปี 2024

ทรัมป์ยังกล่าวโจมตีนโยบายด้านต่างประเทศของนายไบเดน ซึ่งรวมถึงนโยบายเกี่ยวกับตะวันออกกลาง การกลับเข้าร่วมข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการกลับเข้าร่วมองค์การอนามัยโลก(WHO)ที่ทรัมป์เคยพาสหรัฐแยกตัวออกมา  ตลอดจนการยกเลิกมาตรการห้ามการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งถูกบังคับใช้ในสมัยของทรัมป์

นอกจากนี้ ทรัมป์ซึ่งสนับสนุนการใช้พลังงานฟอสซิล ยังกล่าวถึงนโยบายพลังงานสะอาดของนายไบเดนว่า  นโยบายสนับสนุน "กังหันลม" มากกว่าพลังงานแบบดั้งเดิม และจะนำพาประเทศสหรัฐอเมริกาหลุดจากการเป็นผู้ทรงอิทธิพลด้านพลังงานไปสู่หายนะ

ส่งสัญญาณลงสนามเลือกตั้ง 4 ปีข้างหน้า  

สื่อต่างประเทศระบุว่า การประชุมความเคลื่อนไหวทางการเมืองอนุรักษ์นิยม หรือ CPAC ถือเป็นเวทีที่สนับสนุนทรัมป์มาโดยตลอด และการเปิดตัวรูปปั้นเหมือนทรัมป์สีทองอร่าม ตลอดจนเสียงร้องเชียร์กึกก้องของผู้ชมส่วนใหญ่ที่ “ไม่สวมหน้ากากอนามัย” แสดงให้เห็นว่างานนี้ช่วยประเมินบทบาทความสำคัญของทรัมป์ในพรรครีพับลิกันอีกครั้ง

ทรัมป์ปัดข่าวลือที่ว่าเขาวางแผนก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่หลังเกิดเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่

6 ม.ค. ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบภายในประเทศ แต่บนเวที CPAC เขาประกาศว่า จะไม่มีการก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่และเขาจะไม่แบ่งแยกอำนาจและความแข็งแกร่งของพรรครีพับกัน แต่จะสร้างความปรองดองและความแข็งแกร่งให้กับพรรคอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแทน

"ผมจะคว้าชัยชนะเหนือพวกเขา (พรรคเดโมแครต) เป็นครั้งที่ 3" ทรัมป์กล่าว ซึ่งไม่เพียงเป็นการบอกโดยนัยว่าเขาอาจจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยต่อไป แต่ยังสะท้อนว่า จนถึงขณะนี้ทรัมป์ก็ยังคงเชื่อว่าเขาควรจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา (2563) แต่ที่ต้องพ่ายแพ้นั้นเป็นเพราะมีการโกง ผู้สนับสนุนที่เข้าร่วมฟังอยู่ภายในฮอลล์ ต่างตะโกน "คุณชนะ คุณชนะ" เมื่อทรัมป์ยืนยันว่าเขาเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งในปีที่ผ่านมา

 

โจ ไบเดน

อย่างไรก็ตามเรื่องการถูกโกงเลือกตั้งที่ทรัมป์พูดถึงนั้น ถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นเพียงการกล่าวอ้างที่ไร้หลักฐานรองรับ

ทรัมป์ยังกลาวโจมตีสมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วน เช่น ลิซ ชีนีย์ และมิตต์ รอมนีย์ สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งลงคะแนนเสียงเห็นชอบว่าเขามีความผิดจากข้อกล่าวหายุยงปลุกปั่นจนทำให้เกิดการจลาจลที่อาคารรัฐสภาสหรัฐและสมควรถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี โดยทรัมป์เรียกร้องพรรครีพับลิกันให้ไล่ทั้งสองออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ขณะเดียวกัน เขายังกล่าวแสดงความชื่นชมพันธมิตรที่ภักดีต่อเขาที่สุดอย่างจิม จอร์แดน ที่เข้าร่วมฟังการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ด้วย และหวังให้ทรัมป์ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปี 2024

รายงานข่าวระบุว่า การกล่าวสุนทรพจน์ของทรัมป์ครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางการเกิดรอยร้าวรุนแรงภายในพรรครีพับลิกัน เนื่องจากมีสมาชิกพรรคบางคนลงคะแนนเสียงเห็นชอบให้ถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนมกราคม และยังมีสมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกัน 7 คน ที่ลงคะแนนเสียงว่าเขามีความผิดจริงในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งทำให้กระบวนการยื่นถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่ง (อิมพีชเมนท์) มีความเป็นหนึ่งเดียวกันจากสองพรรคมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐ

ทั้งนี้ ผลการสำรวจอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งจัดทำขึ้นในที่ประชุม CPAC ก่อนทรัมป์ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ พบผู้ตอบแบบสอบถาม 55% เห็นชอบให้ “ทรัมป์” เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2024 สะท้อนความเชื่อมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงของกลุ่มผู้สนับสนุนต่อบทบาทภายในพรรครีพับลิกันของทรัมป์

ด้านนายมิตช์ แมคคอนเนล ซึ่งก่อนหน้านี้กล่าวโจมตีทรัมป์หลังวุฒิสภามีมติให้เขาหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาในกระบวนการอิมพีชเมนท์  ก็ได้กลืนน้ำลายตนเองและกล่าวว่าเขาจะสนับสนุนทรัมป์อย่างเต็มที่ หากทรัมป์เป็นผู้แทนพรรครีพับลิกัน เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้งในปี 2024

ทรัมป์กล่าวปิดสุนทรพจน์ด้วยการโยนหินถามทางในกลุ่มผู้สนับสนุนด้วยคำถามที่ว่า ยังมีผู้ใดมีคุณสมบัติหมาะสมมากกว่าเขาในการเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2024

"สิ่งแรกคือเราต้องครองเสียงข้างมากในรัฐสภา จากนั้นประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันจะกลับสู่ทำเนียบขาวอย่างองอาจ ผมสงสัยเหลือเกินว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร?” ทรัมป์โยนคำถามไปยังผู้สนับสนุน ซึ่งต่างลุกขึ้นตะโกนส่งเสียงเชียร์อย่างกึกก้อง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: