แนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งเป็นไปในทิศทางที่คลี่คลาย และมีความหวังว่าจะได้เห็นผู้นำของทั้ง 2 ฝ่าย พบปะกันอีกครั้งราวปลายเดือน มี.ค. นี้ ไม่เพียงส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั้งในฝั่งสหรัฐฯ และจีนปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังส่งให้เงินหยวนและเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นด้วย
รายงานข่าวจาก เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เผยว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน อาจจะได้พบกันอย่างเป็นทางการ และให้การอนุมัติข้อตกลงเพื่อคลี่คลายการเผชิญหน้าทางการค้าระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ในราววันที่ 27 มี.ค. ที่จะถึงนี้ ข่าวดีดังกล่าวทำให้เงินหยวนของจีนปรับค่าแข็งขึ้น 0.20% ที่ระดับ 6.7030 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการเคลื่อนไหวใกล้ระดับแข็งค่าที่สุดในรอบ 7 เดือนครึ่ง ที่ 6.6737 หยวนต่อดอลลาร์ เมื่อเริ่มวันแรกของสัปดาห์ (4 มี.ค.) และเป็น 1 วันก่อนที่จีนจะมีการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (National People’s Congress) ประจำปี 2562 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. นี้ ที่กรุงปักกิ่ง
ทั้งนี้ อัตราอ้างอิงค่าเงินหยวนที่กำหนดโดยธนาคารประชาชนจีน หรือ ธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (PBOC) เมื่อวันจันทร์ (4 มี.ค.) นั้น อยู่ที่ 6.7049 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ นักวิเคราะห์กล่าวว่า ค่าเงินหยวนอาจจะปรับแข็งขึ้นในช่วงสั้น ๆ นี้ แต่จากนั้นก็จะค่อย ๆ ปรับตัวอ่อนลงมา เนื่องจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะปัจจัยเศรษฐกิจภายในประเทศของจีนเอง ที่การขยายตัวแผ่วกำลังลง และตัวเลขเกินดุลบัญชีเดินสะพัดก็คาดว่าจะลดลงด้วย ดังนั้น คาดว่า เงินหยวนอาจอ่อนค่าลงได้ถึงระดับ 6.8 หยวนต่อดอลลาร์ ในช่วงสิ้นปี 2562
ส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นั้น แข็งค่าขึ้น (เมื่อเทียบกับค่าเงินเยน) สู่ระดับ 111.96 เยนต่อดอลลาร์ ใกล้ระดับแข็งที่สุดในรอบ 10 สัปดาห์ ที่ 112.08 เยนต่อดอลลาร์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงเล็กน้อย (มาอยู่ที่ราว ๆ 111.75 เยนต่อดอลลาร์) หลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวบนเวทีงานประชุม Conservative Political Action Conference (CPAC) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (2 มี.ค.) โดยมีการประชดประชันและวิพากษ์นโยบายของ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่า ชอบทำให้เงินดอลลาร์แข็งเกินไปจนส่งผลทางลบต่อการทำการค้าของสหรัฐฯ
ด้าน ฝ่ายวิจัยของโกลด์แมนแซคส์ คาดการณ์ว่า การพบกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีนในช่วงปลายเดือนนี้ ทั้ง 2 ประเทศ น่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงด้านการค้าบางอย่างได้ แต่อาจจะยังมีการคงภาษีบางส่วนเอาไว้