"เพื่อไทย" จับมือ "ภูมิใจไทย" ตั้งรัฐบาล เขี่ย "ก้าวไกล" ฝ่ายค้าน 

07 ส.ค. 2566 | 17:20 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ส.ค. 2566 | 11:36 น.

"เพื่อไทย-ภูมิใจไทย" จับมือจัดตั้งรัฐบาลเดินหน้า 212 เสียง ยัน "ก้าวไกล" เป็นฝ่ายค้าน พร้อมเรียกร้อง สส.- สว. หนุน "เศรษฐา" แคนดิเดตนายกฯ ชูทำงานสร้างสรรค์ ลดความขัดแย้ง ยึดประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นหลัก

เกาะติดการจัดตั้งรัฐบาล หลังจากที่ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยซึ่งรับไม้ต่อมาจากพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาลโดยตั้งเป้าต้องการรวบรวมเสียงของทั้งจาก สส. และ สว.ให้ได้ 375 เสียงนั้น ภายหลังการหารือเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม กับพรรคภูมิใจไทย

ล่าสุดในวันนี้ 7 สิงหาคม นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย 

นายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เป็นการมาครั้งที่สองโดยต้องขอบคุณที่ให้เกียรติและประสานงานกับพรรคมาโดยในครั้งนี้เป็นการตอบรับคำเชิญในการ่วมจัดตั้งรัฐบาล สืบเนื่องจากการหารือกันครั้งแรก โดยได้ยืนยันว่า ไม่ขัดข้องที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลบนเงื่อนไขหลักการ 3 ประการ คือ มีอุปสรรคน้อยที่สุด

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่มีการหารือหรือเชิญพรรคอื่นเข้าร่วมตอนนี้ถือว่า มี 212 เสียง

นายอนุทิน กล่าวมั่นใจว่า การจัดตั้งรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาลมี สส.เกินกึ่งหนึ่งแล้วแน่นอนตามระบอบรัฐสภาซึ่งหลังจากนี้จะร่วมกันหาเสียงจาก สส. และสว.เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่บัญญัติไว้และเพื่อให้ทำงานให้ได้ ส่วนเรื่องการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยนั้น พรรคภูมิใจไทยจะปฏิบัติตามข้อเสนอดังกล่าว

ด้านนพ.ชลน่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวย้ำว่า ทางพรรคเพื่อไทยรับได้กับเงื่อนไข 3 ประการหลักของพรรคภูมิใจไทยและต้องขอบคุณ 212 เสียงตั้งต้นในการจัดตั้งในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ 

สำหรับแถลงการณ์จัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย มีรายละเอียด ดังนี้  

พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทยจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยการสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมืองซึ่งขณะนี้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังคงต้องการเสียงสนับสนุนจาก สส. และ สว.เพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว 

รัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นในครั้งนี้ แม้จะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังต้องการการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เนื่องจากปัญหาของประเทศชาติ และพี่น้องประชาชนที่กำลังเผชิญอยู่นี้ มีความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น 

เรามีความประสงค์จะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งในสังคม และวิกฤตรัฐธรรมนูญก่อตัวเป็นปัญหาของประเทศ และประชาชนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เราจึงต้องการเสียงสนับสนุนจากทุกพรรคการเมืองให้มาสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย

โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศ และประชาชนเป็นหลัก อาทิ เมื่อฝ่ายค้านเสนอกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม รัฐบาลพร้อมจะให้การสนับสนุน นอกจากนี้จะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ 
 
พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย เห็นว่าทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้ จึงกำหนดแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้ 

1.ยึดวาระของประเทศ และประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ และประชาธิปไตย นำความปรองดอง สมานฉันท์กลับคืนสู่ประเทศ
 
2.จะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระแรก จะมีมติให้ทำประชามติขอจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกระบวนการจัดตั้ง สสร.
 
3.ดำเนินงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ สิ่งใดที่เป็นประโยชน์จะร่วมกันผลักดันให้สำเร็จ สิ่งใดที่เป็นปัญหาจะต้องถูกตรวจสอบและเร่งแก้ไขให้ถูกต้อง
 
4.จัดตั้งรัฐบาลที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ 
 
5.การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้เปิดกว้างให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภามีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อผ่าทางตันระบบการเมืองของประเทศ และฝ่าวิกฤตรัฐธรรมนูญที่สร้างปัญหาอยู่ในปัจจุบัน 
 
หลังจากนี้ เราจะเดินหน้าทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในสังคม รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา เพื่อแสวงหาความร่วมมือ และกำหนดเจตนารมณ์ในการบริหารประเทศ จึงร้องขอการสนับสนุนจากทุกพรรคการเมือง ทุกฝ่าย ทุกคน มาร่วมกันกอบกู้วิกฤตของประเทศในครั้งนี้ 

ทั้งนี้ สำหรับพรรคเพื่อไทยมีจำนวนเสียง 141 เสียง ขณะที่พรรคภูมิใจไทย มี 71 เสียง 2 พรรครวมกันจะได้ สส. 212 เสียง ซึ่งยังไม่ถึงกึ่งหนึ่งของ สส.ที่มีจำนวน 500 คนในสภา.