สำนักงานกกต.แจงข้อกฎหมาย รู้ว่าขาดคุณสมบัติ แต่ยังสมัครเลือกตั้ง

13 มิ.ย. 2566 | 13:01 น.
อัปเดตล่าสุด :13 มิ.ย. 2566 | 13:11 น.

สำนักงาน กกต. ชี้แจงข้อกฎหมายผู้สมัคร ส.ส. ขาดคุณสบัติผิดมาตรา 151 กรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัคร ส.ส. แต่ยังฝ่าฝืน โทษคุก สูงสุด 20 ปี ปรับสูงสุด 2แสนบาท ตัดสิทธิเลือกตั้ง 20ปี

จากกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจิรญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้โอนหุ้น ITV ซึ่งเป็นหุ้นมรดก จำนวน 42,000 หุ้น ให้กับทายาทภายหลังจากสิ้นสุดการเลือกตั้ง ส่งผลให้เกิดคำถามตามมาทำไม “พิธา” ไม่จัดการหุ้น  ITV ให้เรียบร้อยก่อนลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่ออันดับหนึ่ง

 

ล่าสุด วันนี้  13 มิ.ย. 2566 สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงาน กกต. เผยแพร่ข้อกฎหมาย หากรู้ว่าขาดคุณสมบัติ แต่ยังสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จะมีผลอย่างไร ผู้รู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ และผู้รู้อยู่แล้วว่าตนมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้ง หรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมือง เสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-20 ปี และ ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนดถึง 20 ปี ตามมาตรา 151 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) 2566

สำนักงานกกต.แจงข้อกฎหมาย

 

 การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวของ สำนักงาน กกต.  ให้กับสื่อมวลชนเป็นที่สนใจ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับกรณีการถือหุ้นสื่อไอทีวีขอ งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าขาดคุณสมบัติจากกรณีดังกล่าวหรือไม่.