“ทนายอั๋น"จี้กกต.สอบ"เรืองไกร" ร้องเท็จข้อมูลหุ้นสื่อไอทีวี“พิธา”

12 มิ.ย. 2566 | 16:28 น.
อัปเดตล่าสุด :12 มิ.ย. 2566 | 16:32 น.

“ทนายอั๋น"จี้ กกต.สอบ "เรืองไกร" ร้องเท็จข้อมูลหุ้นสื่อไอทีวี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ทำให้ผู้สมัคร ส.ส. ได้รับความเสียหาย

วันนี้ (12 มิ.ย. 66) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น ยื่นคำร้องต่อ  กกต.ขอให้สอบข้อเท็จจริงกรณีคำร้องของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่ยื่นร้องเรียนหุ้นสื่อไอทีวี ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) 

โดยเห็นว่า นายเรืองไกร ได้เสนอหลักฐานอ้างว่า นายพิธา เป็นผู้ถือหุ้นสื่อไอทีวีเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่ถือในฐานะผู้จัดการมรดก ขณะที่กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้ระบุชัดเจนว่า อำนาจของผู้จัดการมรดก มีหน้าที่ระบุหนี้สินและทรัพย์สิน และแจกจ่ายให้กับทายาทตามกฎหมาย 

หมายความว่า การเป็นผู้จัดการมรดกนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นทายาทโดยตรง อาจจะเป็นบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น จะเห็นได้ว่า บทบาทหน้าที่และความหมายของการถือหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดก  ในฐานะส่วนตัวมองว่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง    

ขณะที่ล่าสุด ยังมีการเปิดเผยคลิปวีดีโอการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นที่ระบุชัดเจน ว่า บริษัทไอทีวีไม่ได้ดำเนินกิจการสื่อมวลชน ซึ่งอาจจะขัดต่อเอกสารที่นายเรืองไกร นำมาร้องต่อ กกต.

                     ภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น

แต่กรณีที่ นายเรืองไกร พยายามที่จะยื่นหลักฐานต่อ กกต. เรียกร้องให้  กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติขั้นต้น ตนพบข้อมูลว่า นายพิธา ถือหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดกเท่านั้นไม่ได้ถือในนามส่วนตัว จึงมองว่า การกระทำของ นายเรืองไกร อาจเข้าข่ายผิดพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง  ส.ส. มาตรา 143 ที่ระบุว่า ผู้ใดกระทำการอันเป็นเท็จให้ผู้อื่นเข้าใจผิด ว่าผู้สมัครฝ่าฝืน และไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย บุคคลดังกล่าวอาจมีความผิด ต้องโทษจำคุกในที่สุด จึงอยากให้  กกต.ตรวจสอบคำร้องของนายเรืองไกร ว่าเข้าข่ายกระทำการผิดกฎหมายหรือไม่

“ส่วนตัวยินดีที่จะเดินทางมาให้ข้อมูลกับ กกต. ในเรื่องดังกล่าว และเรียกร้องขอให้ กกต.ปฏิบัติกับคำร้องของผม เช่นเดียวกับคำร้องของนักร้องท่านอื่น"