อดีต ส.ส. ก้าวไกลชี้ กกต. แจ้งรับรอง ส.ส. 27 มิ.ย. เหตุมีกกต.ครบวาระ

11 มิ.ย. 2566 | 10:16 น.
อัปเดตล่าสุด :11 มิ.ย. 2566 | 10:29 น.

อดีต ส.ส. ก้าวไกลชี้ กกต. แจ้งรับรอง ส.ส. 27 มิ.ย. เหตุมีกกต.ครบวาระ จึงต้องการให้ร่วมเซ็นชื่อให้ครบ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล คาดสภาจัดปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 10 กรกฎาคม 2566

นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อและกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว เปิดเผยความคืบหน้าในการรับรอง ส.ส. ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยมีข้อความระบุว่า

ได้รับแจ้งว่า กกต. จะรับรอง ส.ส. เป็นทางการ ภายในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ เนื่องจากวันที่ 28 จะมี กกต. 1 คน ครบวาระต้องพ้นจากตำแหน่ง

เลยอยากให้ร่วมเซ็นชื่อให้ครบ หลังรับรอง ส.ส. คาดว่าทางสภา จะจัดให้ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 10 กรกฎาคม 2566

ส่วนความคืบหน้ากรณีการถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเคตนายกรัฐมนตรีนั้น ล่าสุด กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ 6 เสียง ไม่รับคำร้องกรณี นายพิธา มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในการสมัครรับเลือกตั้ง เหตุการณ์ถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น  แต่ให้รับเรื่องไว้พิจารณาเป็นความปรากฏ
 

โดยเห็นว่า คำร้องที่ได้ยื่นมาของทั้ง 3 คน เป็นคำร้องที่ยื่นเกินระยะเวลาที่จะสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา ในกรณีที่ร้องว่าผู้สมัครรายใดขาดคุณสมบัติ หรือ มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จึงเห็นควรพิจารณาสั่งไม่รับคำร้องไว้ตามระเบียบ

อดีต ส.ส. ก้าวไกลชี้ กกต. แจ้งรับรอง ส.ส. 27 มิ.ย. เหตุมีกกต.ครบวาระ

แต่เนื่องจากกรณีคำร้องดังกล่าวมีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ และมีหลักฐานพอสมควร และมีข้อมูลเพียงพอที่จะสืบสวนไต่สวนต่อไปว่า นายพิธา เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และรู้อยู่แล้ว ว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามแต่ได้สมัครรับเลือกตั้ง อันเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 42(3) และมาตรา 151 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 

จึงเห็นควรพิจารณาสั่งให้ดำเนินการไต่สวนเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฎโดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนที่ได้รับแต่งตั้ง จะดำเนินการไต่สวนตามขั้นตอนและระยะเวลาที่กำหนดไว้ในระเบียบต่อไป

ทั้งนี้เมื่อพลิกดูพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 แก้ไขเพิ่มเติม 2566 ซึ่งระบุไว้ในมาตรา 151 ว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ

ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกำหนด 20 ปี

ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้นั้นคืนเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมาเนื่องจากการดำรงตำแหน่งดังกล่าวให้แก่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย