พลิกปูม ศิริกัญญา ตันสกุล ตัวเต็ง"รองนายกฯและรมว.คลัง"

24 พ.ค. 2566 | 10:43 น.
อัปเดตล่าสุด :24 พ.ค. 2566 | 11:37 น.
820

พลิกปูม“ศิริกัญญา ตันสกุล” "ตัวตึง" สายเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล ติดโผ นั่งเก้าอี้ รองนายกรัฐมนตรี ควบรมว.คลัง

ความเคลื่อนไหวการจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้การนำของพรรคก้าวไกล ถูกจับตามองจากประชาชนอย่างใกล้ชิด  โซเชียลมีเดียแชร์กันสนั่น อ้างว่าเป็นโผ ครม.มีการระบุรายชื่อแกนนำคนสำคัญของพรรคร่วมรัฐบาลไว้หลายกระทรวง 

หากโฟกัสเก้าอี้รัฐมนตรี เฉพาะพรรคก้าวไกล   นอกเหนือจาก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นั่งนายกรัฐมนตรี  ควบรมว.กลาโหม ที่โดดเด่นมีชื่อของ “ชัยธวัช ตุลาธน” เป็นรองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.มหาดไทย 

ขณะที่ “ศิริกัญญา ตันสกุล” "ตัวตึง" สายเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล ติดโผ นั่งเก้าอี้ รองนายกรัฐมนตรี ควบรมว.คลัง 

ดูเหมือนว่า ในบรรดาชื่อ รมต.ตามโผในโลกโซเชียล “ศิริกัญญา” เป็นคนที่ถูกจับตามองมากที่สุด เพราะเป็นคนที่ถูกพูดถึงมากในเวทีดีเบตนโยบายพรรคการเมือง ในฐานะรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล 

ที่สำคัญได้รับการการันตีจากปาก “พิธา” ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ว่า “ศิริกัญญา” จะเป็นรมว.คลังของพรรคก้าวไกล

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ว่าที่ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคก้าวไกล
    

“ศิริกัญญา ตันสกุล”  หรือ “ไหม” เกิดเมื่อวันที่ 4 เม.ย.2524 ปัจจุบันอายุ 42 ปี เป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์  2 สมัย (ปี 2562 , 2566) พรรค
ก้าวไกล และเป็นอดีตประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ  

การศึกษาปริญญาตรี สาขา เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ,ปริญญาโท สาขา เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล ปริญญาโท สาขา Economics, Market and Organization, Toulouse School of Economics

 เคยเป็นนักวิจัย สถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ระหว่างปี 2554-2555 ก่อนมาเป็นผู้จัดการฝ่ายวิจัย สถาบันอนาคตไทยศึกษา ระหว่างปี 2555-2559 และเป็น Senior Consultant, บริษัท ดิแอดไวเซอร์ จำกัด ระหว่างปี 2560 - 2561 และเคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายนโยบาย พรรคอนาคตใหม่ (2561-2562)

สำหรับสินทรัพย์ของ "ศิริกัญญา"นั้น ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เคยเปิดเผยเมื่อปี 2562 ช่วงเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ มีทรัพย์สิน 4,504,782 บาท หนี้สิน 2,687,596 บาท

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล  ตัวเต็ง ว่าที่รองนายกฯและรมว.คลัง

ศิริกัญญา เปิดใจกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ถึงจุดเริ่มต้นของการเข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบจับพลัดจับผลูว่า แท้ที่จริงก้าวเข้าสู่งานการเมือง ตามคำเชื้อเชิญของ เลขาธิการพรรค ชัยธวัช ตุลาธน 

ความตั้งใจที่เข้าสู่งานการเมือง ก็เพื่อได้นำเอางานวิชาการที่ชำนาญตั้งแต่ครั้งอยู่ TDRI มาใช้ให้เป็นประโยชน์ ในการทำนโยบายให้กับพรรค ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายนโยบาย

ด้วยประสบการณ์จากการทำงานในสายวิจัย ทำให้ได้เห็นว่า ปัญหาของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ มักมีปัญหาในเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ที่แอบซ่อนอยู่ 

ประเทศไทยมีศักยภาพที่โตต่อไปข้างหน้าได้ แต่ติดด้วยบางอย่างที่กดทับไว้ รายได้ของคนโตช้ากว่า จีดีพีของประเทศ เป็นเพราะว่า ประเทศถูกลากไปด้วยคนจำนวนไม่กี่คน เช่น การส่งออก  ที่มีผู้ส่งออกรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย หรือทุนผูกขาดในประเทศต่างๆ  ในขณะที่ คนรายเล็กรายน้อย ยังสามารถเติบโตได้มากกว่านี้ หากสิ่งแวดล้อม หรือระบบนิเวศของการทำธุรกิจเปิดโอกาสให้มากขึ้น

ศิริกัญญา มองว่าข้อจำกัดด้านความหยุมหยิมยุ่งยากต่างๆ เอื้อกับทุนใหญ่ที่มีเส้นสายกับ เจ้าหน้าที่รัฐจึงได้รับความสะดวก แต่ทุกคนควรดำเนินการได้โดยสะดวกทั้งหมด หรือควรมีกฎระเบียบด้านการค้า เพื่อไม่ให้รายใหญ่มาเอารัดเอาเปรียบรายย่อย ก็จะทำให้สามารถระเบิดพลังทางเศรษฐกิจได้อีกมาก

นั่นยังไม่นับการกระจายอำนาจ ที่จะทำให้คนในพื้นทีได้แสดงศักยภาพเพิ่มมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจโตได้อีกมาก ในเชิงความหมุนเวียนด้านเศรษฐกิจในพื้นฐาน 

สิ่งเหล่านี้ หากจะทำให้เกิดขึ้นได้จริง ศิริกัญญา มองว่า ต้องฝ่าแรงต้านอย่างมาก และต้องมีเจตจำนงอย่างแรงกล้า


ทั้งการลดขั้นตอนการขอใบอนุญาตต่างๆลง หรือการกระจายรายได้นั้น ล้วนเป็นการลดทอนอำนาจของข้าราชการลง ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า เรื่องเหล่านี้มีการพูดถึงกันมานาน แต่ไม่เกิดขึ้นเนื่องจาก ฝ่ายบริหารมักไม่อยากมีความขัดแย้งกับฝ่ายการเมือง

ฉันทามติจากประชาชนที่มากพอ คือส่วนสำคัญ ที่ศิริกัญญา มองว่า จะทำให้นโยบายเกิดขึ้นได้จริง และฝ่าแรงต้านไปได้ เธอจึงให้ความสำคัญกับการทำงานทางความคิดกับประชาชน

พลิกปูม ศิริกัญญา ตันสกุล ตัวเต็ง\"รองนายกฯและรมว.คลัง\"

อีกหนึ่งสิ่ง ที่เธออยากเห็นนั่นก็คือ การถกเถียงกันของทั้งภาคการเมือง และภาคประชาชน โดยใช้ข้อมูล ตัวเลข ข้อเท็จจริง โดยไม่ใช้เพียงอารมณ์ความรู้สึก มาถกเถียงกัน และนี่จึงเป็นวิถีการทำงานของเธอ ที่มุ่งนำเสนอ ข้อมูล งานวิจัย มากกว่าการใช้วาทศิลป์เพียงอย่างเดียว ถือเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ทางการเมือง
 

ศิริกัญญา ยอมรับว่า บางครั้งก็รู้สึกเหนื่อยบ้าง กับการสวมหมวกหลายใบ ทั้งการทำหน้าที่ ส.ส. การอภิปรายในสภา และการทำข้อมูลอยู่เบื้องหลัง และรู้สึกว่า งานที่ปรึกษา เป็นทีมข้อมูลอยู่เบื้องหลังนั้น ตรงกับความเชี่ยวชาญของเธอที่สุดแล้ว

เป็นเพราะเธอไม่เคยมีความฝันจะเป็นรัฐมนตรี หรือ แม้กระทั่ง ส.ส. เลย เพราะเธอมองว่า ตำแหน่งไม่มีความหมายสำหรับการทำงานการเมืองของเธอ

สิ่งที่เธออยากเห็นนั้น นอกเหนือจากได้เห็นพรรคก้าวไกล อยู่รอดปลอดภัยจนได้เป็นสถาบันทางการเมืองที่มีสมาชิกมหาศาลแล้ว เธอยังหวังให้ประเทศมีโครงสร้าง และสิ่งแวดล้อมที่เอื้อให้คนเล็กคนน้อย ได้สามารถระเบิดพลังทางเศรษฐกิจในตัวเองออกมาได้ และคน gen ใหม่ ไม่หมดหวังกับประเทศ ที่จะดีขึ้นได้กว่านี้ 

รองหัวหน้าพรรคหญิง กล่าวว่า เธอจะยังคงเป็นกระบอกเสียงต่อไป เพราะผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการนำเสนอเรื่องต่างๆ ผ่านสื่อ หรือในสภานั้น แม้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ก็ยังทำให้คนได้ตระหนักรู้ในเรื่องนั้นๆ ทำให้บอกกับตัวเองว่า หากไม่มีเราพูดสักคน บ้านเมืองก็คงจะอยู่เหมือนเดิม สิ่งนี้ทำให้มีไฟที่จะทำเรื่องเหล่านี้ต่อไปในแต่ละวัน ต่อไปตลอดชีวิต

หลังจากนี้ชื่อของ “ศิริกัญญา” จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ในฐานะ “ขุนคลังหญิง” คนแรกของประเทศไทยหรือไม่  ต้องลุ้น!!