“สามารถ” เตือน “พิธา” แผนเสือกลืนหมี ระวัง! ผิดแผนไร้เสียงโหวต

19 พ.ค. 2566 | 10:51 น.
อัปเดตล่าสุด :19 พ.ค. 2566 | 11:42 น.

“สามารถ” เตือน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" แผนเสือกลืนหมี ระวัง! ผิดแผนไร้เสียงโหวตเลือกนายกฯ ส.ว.ไม่น่ากังวล ให้กังวลพรรคที่ไปกินข้าวด้วย ชี้เป็นเพียงการจับมือกินข้าว ไม่ใช่การจัดตั้งรัฐบาล

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลภายในการนำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า การนัดเจอของแกนนำเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม เป็นเพียงการจับมือกินข้าว ไม่ใช่การจัดตั้งรัฐบาล อย่างแน่นอน ส่วนที่หลายฝ่ายเป็นกังวลเรื่อง จำนวนเสียงโหวตจาก สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นั้น นายสามารถ แสดงมั่นใจว่า ว่าที่นายกรัฐมนตรี จะได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ได้ครบเกิน 70 เสียงอย่างแน่นอน เพราะส่วนหนึ่งของ ส.ว. สรรหามาจากกลุ่มประชาชนคัดกันมาเองมีจำนวน 50 คน อีกทั้งวาระของ ส.ว. เองก็กำลังจะหมดลงไปในปีหน้า และไม่สามารถกลับมาลงสมัครในตำแหน่งนี้ได้อีก ยกเว้นตำแหน่งทางการเมืองที่จะต้องพ้นวาระไปแล้ว 2 ปี ฉนั้นคนมีอุดมการณ์ ต้องสังกัดพรรคการเมือง และจึงเป็นที่มาที่นายสามารถมั่นใจว่า นายพิธา จะรวมเสียงจาก ส.ว.เกินกว่า 70 เสียงได้อย่างไม่ยุ่งยาก แต่ประเด็นที่น่าห่วงมากกว่าเสียง ส.ว. นั่นคือ จำนวนเสียง ส.ส.ที่จะโหวตให้ เพราะพรรคการเมืองที่รับปากจะจับมือจัดตั้งรัฐบาล แต่พอถึงเวลาอาจไม่จับก็เป็นได้ เพราะทุกพรรคกลัวเป็นเสือกลืนหมี โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ล่าสุดนายใหญ่อย่างคุณทักษิณ พูดมาจากแดนไกล จัดหนักว่า พรรคก้าวไกล ทำไอโอ มีเอไอ มีแอคเคาท์หลุม ปั่นโซเชียล คนจะร่วมรัฐบาลเขาไม่ด่ากันหรอก

“อย่างที่ผมพูด  แผน เสือกลืนหมี พรรคการเมืองทุกพรรคตอนลงเลือกตั้ง มั่นใจจะชนะทุกคน เอากระสุนเอา เสบียง ดินดำไปเต็มเลย แต่พอหลังเลือกตั้งได้ไม่กี่ร้อยคะแนน เป็นถึงดารา เป็นอดีตนักมวย ได้ไม่กี่พันคะแนน บางคนหลักร้อยแต้ม แพ้กระจุย พรรคการเมืองใหญ่ อย่างเพื่อไทย ผู้สมัครเค้าแข่งแกรง แต่สอบตกหมด เพราะสู้กระแสไม่ได้ ฉนั้นการที่พรรคเพือไทยจับก้าวไกล เค้ากลัวเป็นเสือกลืนหมี” นายสามารถ กล่าว

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช

 

ไม่เพียงเฉพาะ จำนวนเสียงโหวตจาก ส.ส.ที่น่าเป็นห่วงเท่านั้น นายสามารถ ยังมองด้วยว่า การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ที่ไม่ลงตัว จนทำให้พรรคร่วมบางพรรค อย่าง พรรคเพื่อไทย ไม่สามารถเดินนโยบายอย่างที่พรรคเคยรับปากไว้กับประชาชนได้ รวมถึงความพยายามในการยกเลิก ม.112 ซึ่งถือว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ แล้วยิ่งแก้ไขมาตรา 112 ให้ลดโทษ และผู้ฟ้องต้องเป็นสำนักพระราชวังอันนี้คือ กำลังดึงสถาบันลงมาให้ทะเลาะกับประชาชน ประเด็นเหล่านี้ นายสามารถ เชื่อมั่นใจ ว่า จะไม่มีพรรคการเมืองใดร่วมด้วยอย่างแน่นอน เพราะเสมือนนำเอาสถาบันมาเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง ประเด็นทั้งหมดจึงยังคงเป็นตัวแปรถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งรัฐบาลของนายพิธา อย่างแน่นอน.